มหาลิสูตร ... วันเสาร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สนทนาธรรมที่
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (ม.ศ.พ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ วันเสาร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๑๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
๗. มหาลิสูตร (ว่าด้วยเหตุแห่งการทำบาปกรรมและกัลยาณกรรม)
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๓๘ - หน้าที่ ๑๕๕-๑๕๗
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๓๘ - หน้าที่ ๑๕๕-๑๕๗
๗. มหาลิสูตร (ว่าด้วยเหตุแห่งการทำบาปกรรมและกัลยาณกรรม)
[๔๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวันใกล้นครเวสาลี ครั้นนั้นแล กษัตริย์ลิจฉวีพระนามว่ามหาลี ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม? พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาลี โลภะแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม, ดูก่อนมหาลี โทสะ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัย แห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาบกรรม, ดูก่อนมหาลี โมหะ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาบกรรม,อโยนิโสมนสิการ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาบกรรม, ดูก่อนมหาลี จิตอันบุคคลตั้งไว้ผิด แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม ดูก่อนมหาลี กิเลส มีโลภะเป็นต้น นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม. กษัตริย์ลิจฉวีพระนามว่ามหาลี กราบทูลถามต่อไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไร เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม? พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาลี อโลภะ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม, ดูก่อนมหาลี อโทสะ แลป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม,อโมหะ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณ-กรรม, โยนิโสมนสิการ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม, ดูก่อนมหาลี จิตอันบุคคลตั้งไว้ชอบ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม ดูก่อนมหาลี ธรรม มีอโลภะเป็นต้นนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณ-กรรม แห่งความเป็นไปกัลยาณกรรม ดูก่อนมหาลี ถ้าธรรม ๑๐ ประการนี้แล ไม่พึงมี ในโลก ชื่อว่า ความประพฤติไม่สม่ำเสมอ คือ ความประพฤติอธรรม หรือ ความประพฤติสม่ำเสมอ คือ ความประพฤติธรรม ก็จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้ ดูก่อนมหาลี ก็เพราะธรรม ๑๐ประการนี้ มีพร้อมอยู่ในโลก ฉะนั้น ชื่อว่า ความประพฤติไม่สม่ำเสมอ คือความประพฤติอธรรม หรือความประพฤติสม่ำเสมอ คือ ความประพฤติธรรม จึงปรากฏ ในโลกนี้.
จบมหาลิสูตรที่ ๗
อรรถกถามหาลิสูตรที่ ๗
ในมหาลิสูตรที่ ๗ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.- บทว่า มิจฺฉาปณิหิต แปลว่า จิตที่เขาตั้งไว้ผิด. บทว่า อธมฺมจริยา วิสมจริยาความว่า พึงทราบวิสมจริยา ความประพฤติไม่เรียบร้อย กล่าวคือ อธรรมจริยา ความประพฤติอธรรมได้ ก็ด้วยอำนาจอกุศลกรรมบถ พึงทราบ จริยานอกนี้ ก็ด้วยอำนาจกุศลกรรมบถ. ในพระสูตรนี้ ตรัสเฉพาะวัฏฏะเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้.
จบอรรถกถามหาลิสูตรที่ ๗.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป มหาลิสูตร (ว่าด้วยเหตุแห่งการทำบาปกรรมและกัลยาณกรรม) เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้กรุงเวสาลีกษัตริย์ลิจฉวีพระนามว่ามหาลี เข้าไปเฝ้ากราบทูลถามพระองค์ ว่า อะไรเป็นเหตุให้กระทำบาปกรรม และ อะไร เป็นเหตุใ้ห้กระทำกัลยาณกรรม (กรรมอันงาม) พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ธรรม ๕ ประการ คือ โลภะ โทสะ โมหะ อโยนิโสมนสิการ (การไม่กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย) และ จิตที่ตั้งไว้ผิด เป็นเหตุให้กระทำบาปกรรม และ ธรรม ๕ ประการ คือ อโลภะ (ความไม่โลภ) อโทสะ (ความไม่โกรธ) อโมหะ (ความไม่หลง,ปัญญา) โยนิโสมนสิการ (การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย) และ จิตที่ตั้งไว้ชอบ เป็นเหตุให้กระทำกัลยาณกรรม รวมเป็นธรรม ๑๐ ประการ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ธรรม ๕ ประการแรก (มีโลภะ เป็นต้น) เป็นอกุศล-ธรรม เมื่อมีแล้ว ก็เป็นเหตุให้ประพฤติไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการประพฤติอธรรม คือ อกุศลกรรมบถ ส่วนธรรม ๕ ประการหลัง (มีอโลภะ เป็นต้น) เป็นธรรมที่ดีงาม เมื่อมีแล้ว ก็เป็นเหตุให้ประพฤติสม่ำเสมอ * ซึ่งเป็นการประพฤติธรรม คือ กุศลกรรมบถ. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ ครับ
กิเลส หลักการปฏิบัติ กุศลกรรม 10 ความจริงแห่งชีวิต...ตอนที่ ๑๔๕ จิตตสังเขป (โสภณธรรม-อโสภณธรรม) อโทสเจตสิก -- โสภณสาธารณเจตสิก อโลภเจตสิก -- โสภณสาธารณเจตสิก ความประพฤติเสมอ
อโยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ [ในเรื่อง การตั้งจิตไว้ผิด ตั้งจิตไว้ชอบ นั้น ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้บรรยายในรายการ "แนวทางเจริญวิปัสสนา" มีข้อความดังนี้.- กว่ากิเลสจะหมด ต้องเป็นผู้ที่ตั้งจิตไว้ชอบ คือ ไม่ได้ปรารถนาอย่างอื่น แม้ในขณะที่เจริญกุศล ก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส การตั้ง ไม่ได้หมายความว่าไปตั้ง แต่หมายความว่า ไม่ได้หวังอะไร แต่ว่ามีการขัดเกลากิเลส
ขณะที่โกรธ ขณะที่ติดข้องยินดีพอใจ ขณะที่หลงไม่รู้ความจริง ก็ชื่อว่าตั้งจิตไว้ผิด เพียงขณะที่เจริญกุศลแล้วปรารถนาอย่างอื่น ขณะนั้นก็ชื่อว่าตั้งจิตไว้ผิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงขณะจิตที่เป็นอกุศล] * ประพฤติสม่ำเสมอ ในที่นี้ หมายถึง การประพฤติธรรม เป็นการประพฤติที่สมควรที่เป็นไปเพื่อระงับอกุศลทั้งหลาย. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...