ปฐมเอสนาสูตร เป็นต้น ... วันเสาร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

 
มศพ.
วันที่  18 ก.พ. 2555
หมายเลข  20579
อ่าน  1,628

 

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

ปฐมเอสนาสูตร เป็นต้น

...จาก...

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๖๑


(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๗ ม.ค. ๒๕๕๕)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๖๑

เอสนาวรรคที่ ๑๒ ๑. ปฐมเอสนาสูตร (ว่าด้วยการแสวงหา ๓ อย่าง)

[๒๙๘] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ การแสวงหากาม ๑ การแสวงหาภพ ๑ การแสวงหาพรหมจรรย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้แล. [๒๙๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ...ฯลฯ..ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล . จบปฐมเอสนาสูตรที่ ๑

อรรถกถาปฐมเอสนาสูตร พึงทราบวินิจฉัยในปฐมเอสนาสูตรที่ ๑ แห่งเอสนาวรรค ดังต่อไปนี้ .- บทว่า กาเมสนา ได้แก่ การแสวงหา ค้นหา เที่ยวหา ปรารถนากามทั้งหลาย. บทว่า ภเวสนา ได้แก่ การแสวงหาภพทั้งหลาย. บทว่า พฺรหฺมจริเยสนา ได้แก่ การแสวงหาพรหมจรรย์ กล่าวคือมิจฉาทิฏฐิ. จบอรรถกถาปฐมเอสนาสูตรที่ ๑.

๙. วิธาสูตร (ว่าด้วยการถือตัว ๓ อย่าง)

[๓๑๓] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การถือตัว ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ การถือตัวว่า เราประเสริฐกว่าเขา ๑ เราเสมอเขา ๑ เราเลวกว่าเขา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การถือตัว ๓ อย่างนี้แล. [๓๑๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละการถือตัว ๓อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ...ฯลฯ... ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละการถือตัว ๓ อย่างนี้แล.

จบวิธาสูตรที่ ๙

อรรถกถาวิธาสูตรที่ ๙

บทว่า วิธา ได้แก่ ส่วนแห่งมานะ หรือ การตั้งไว้ซึ่งมานะ. บทว่า เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา ได้แก่ ส่วนแห่งมานะ หรือการตั้งไว้ซึ่งมานะอย่างนี้ว่าเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา. จบอรรถกถาวิธาสูตรที่ ๙.
๑๐. อาสวสูตร (ว่าด้วยอาสวะ ๓) [๓๑๕] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ กามาสวะ ๑ ภวาสวะ ๑ อวิชชาสวะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ อย่างนี้ [๓๑๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละอาสวะ ๓ อย่างนี้แล ...ฯลฯ … ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ...ฯลฯ... จบอาสวสูตรที่ ๑๐.

๑๑. ภวสูตร (ว่าด้วย ภพ ๓) [๓๑๗] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓อย่างนี้แล [๓๑๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละภพ ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยมรรค ๘ นี้ ...ฯลฯ… จบภวสูตรที่ ๑๑.

๑๒. ทุกขตาสูตร (ว่าด้วย ความเป็นทุกข์ ๓) [๓๑๙] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นทุกข์ ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นทุกข์เกิดจากความไม่สบายกายความไม่สบายใจ ๑ ความเป็นทุกข์เกิดจากสังขาร ๑ ความเป็นทุกข์เกิดจากความแปรปรวน ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นทุกข์ ๓ อย่างนี้แล

[๓๒๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละความเป็นทุกข์ ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ... จบทุกขตาสูตรที่ ๑๒.

๑๓. ขีลสูตร (ว่าด้วยเสาเขื่อน ๓) [๓๒๑] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เสาเขื่อน ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน ได้แก่ เสาเขื่อนคือราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เสาเขื่อน ๓ อย่างนี้แล [๓๒๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละเสาเขื่อน ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ... จบขีลสูตรที่ ๑๓.

๑๔. มลสูตร (ว่าด้วยมลทิน ๓) [๓๖๓] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มลทิน ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน ได้แก่มูลทิน คือ ราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย มลทิน ๓ อย่างนี้แล. [๓๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละมลทิน ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ…

จบมลสูตรที่ ๑๔.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 18 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป

ปฐมเอนสนาสูตร (ว่าด้วยการแสวงหา ๓ อย่าง) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงการแสวงหา ๓ อย่าง คือ การแสวงหากาม การแสวงหาภพ การแสวงหาพรหมจรรย์ (ในที่นี้คือ ความเห็นผิด) พร้อมทั้งทรงแสดงว่า ควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหาเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป

วิธาสูตร (ว่าด้วยการถือตัว ๓ อย่าง) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมานะ ๓ อย่าง คือ สำคัญว่าประเสริฐกว่าเขา สำคัญว่าเสมอเขา สำคัญว่าเลวกว่าเขา พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งมานะเหล่านั้น

ข้อความโดยสรุป อาสวสูตร (ว่าด้วยอาสวะ ๓)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอาสวะ (กิเลสที่หมักดอง,ไหลไป) ๓ อย่าง คือ ความติดข้องในกาม ความติดข้องในภพ และ ความไม่รู้ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญ

อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งอาสวะเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป ภวสูตร (ว่าด้วยภพ ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงภพ ๓ คือ กามภพ รูปภพ และ อรูปภพ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งภพเหล่านั้น

ข้อความโดยสรุป
ทุกขตาสูตร (ว่าด้วย ความเป็นทุกข์ ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทุกข์ ๓ อย่าง คือ ทุกข์กายทุกข์ใจ, ทุกข์อันเกิดจากสังขาร และ ทุกข์อันเกิดจากความแปรปรวน พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งทุกข์เหล่านั้น

ข้อความโดยสรุป

ขีลสูตร (ว่าด้วยเสาเขื่อน ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงกิเลสที่เป็นดุจเสาเขื่อน (ปักแน่น) ๓ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งกิเลสที่เป็นดุจเสาเขื่อนเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป มลสูตร (ว่าด้วยมลทิน ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมลทิน ๓ ประการ คือ ราคะ โทสะ โมหะ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งมลทินเหล่านั้น. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ แสวงหาอะไร? แสวงหาสิ่งต่างๆ จนได้มาเพื่อทิ้ง อาสวะ มานะ ใจเจียม ด้วยไม่มีมานะ กามภพ รู้ทุกข์... ภัย [มลสูตร] ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 19 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 25 ก.พ. 2555
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ