ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๓๐

 
khampan.a
วันที่  13 มี.ค. 2555
หมายเลข  20763
อ่าน  2,003

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐]

พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนให้คนหลงงมงาย ไม่ได้สอนให้ไม่รู้ ไม่ได้สอนให้หลงยึดติด แต่เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อละ ด้วยความรู้

โลภะ ไม่อดทน โลภะ พาให้ไปทำอย่างอื่น

อะไรที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง นั้น ก็ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกประการ

ไม่ควรลืมว่า ธรรม คือ ขณะนี้ ไม่ใช่อยู่ในตำรา

กายดี วาจา ดี เพราะสติเกิดขึ้นระลึกเป็นไปในกุศล

ความโกรธ เมื่อเกิดขึ้น ประทุษร้ายใคร ต้องตัวเองก่อนอย่างแน่นอน

ขณะที่ให้อภัย ใครได้ประโยชน์?

๐ เมตตา เกิด จะไม่เกลียดใครเลย

ธรรม บังคับบัญชาไม่ได้ บังคับไม่ให้ไม่โกรธ ก็ไม่ได้ เมื่อมีเหตุปัจจัย ความโกรธ ก็เกิดขึ้น แต่ต้องรู้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ดี อกุศลทั้งหลาย ไม่มีอะไรดีเลย

เมื่อคนอื่นเขาพูดไม่ดี ทำไม่ดี ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเราเลย ทำไมจะต้องไปเก็บเอาความไม่ดีของผู้อื่นมาใส่ไว้ในใจของตนเอง ด้วยล่ะ

ต้นตอของสิ่งที่น่ารังเกียจ (คือ อกุศลทั้งหลาย) มาจากความไม่รู้

ชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่แล้วล้วนคลุกคลีอยู่กับสิ่งที่น่ารังเกียจ โดยไม่รู้ตัวเลย

๐ อวิชชา (ความไม่รู้) เป็นมูลแห่งวัฏฏะ ตราบใดที่ยังมีอวิชชาอยู่ สัตว์โลก ยังจะต้องถูกอวิชชารวบรัดไว้ไม่ให้พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ ได้

อวิชชา เป็นความไม่รู้ จะเปลี่ยนให้เป็นความรู้ ก็ไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่อวิชชาเกิด เมื่อนั้นไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง

ประพฤติปฏิบัติในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด แล้วเข้าใจว่าถูก นี่แหละ คือ มิจฉาทิฏฐิ

๐ บาปธรรมทั้งหลาย ไม่เคยนำสิ่งดีๆ มาให้เลย

บุคคลผู้ที่ประมาทมัวเมา ปล่อยจิตไปแต่ในทางที่เป็นอกุศล ย่อมไม่มีวันถึงการดับกิเลสได้เลย

การที่จะกระทำอกุศลกรรมหนักๆ ได้ ย่อมมาจากการกระทำไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งขาดความละอายแล้วก็สามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมที่ร้ายแรงได้ ซึ่งจะประมาทกำลังของอกุศลไม่ได้เลยทีเดียว

ธรรม เป็นเพียงสิ่งที่มีจริงๆ ชั่วคราว แล้วเราอยู่ตรงไหน ไม่มีเราเลย มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปเท่านั้นเอง

เรื่องของการขัดเกลากิเลส เป็นเรื่องที่ต้องเพียรอบรมจริงๆ เพราะเหตุว่ากุศลนั้น เป็นของธรรมดาที่ว่าย่อมเกิดยาก เจริญยากกว่าอกุศล แต่อกุศลเกิดง่ายมากเหลือเกินในชีวิตประจำวัน

ฟังธรรม มีชื่อมากนับไม่ถ้วน ทั้ง ๓ ปิฎก แต่ทั้งหมด นั้น เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

พร้อมที่จะเป็นผู้ว่าง่าย ในการฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง หรือยัง?

ถ้าตราบใดที่ยังไม่ได้เข้าใจธรรม ก็พูดคำที่ไม่รู้จัก ต่อไป

ได้เห็นดอกไม้ที่ผู้มีจิตศรัทธา จัดอย่างสวยงามเพื่อบูชาพระรัตนตรัย แล้ว ลืมอนุโมทนาในกุศลของผู้จัดหรือเปล่า

ฟังธรรมกันมานานหลายปีแล้ว ฟังมาเยอะแยะแล้ว เห็นโทษของอกุศลบ้างหรือยัง?

๐ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เพื่อละความไม่รู้ จนกว่าความไม่รู้ จะไม่เกิดขึ้นอีก

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๒๙ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 13 มี.ค. 2555

ฟังธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เพื่อละความไม่รู้ จนกว่าความไม่รู้ จะไม่เกิดขึ้นอีก.

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 13 มี.ค. 2555

เมตตา เกิด จะไม่เกลียดใครเลย

เรื่องของการขัดเกลากิเลส เป็นเรื่องที่ต้องเพียรอบรมจริงๆ เพราะเหตุว่ากุศลนั้นเป็นของธรรมดาที่ว่าย่อมเกิดยาก เจริญยากกว่าอกุศล แต่อกุศลเกิดง่ายมากเหลือเกินในชีวิตประจำวัน

อกุศลเกิดง่าย และเกิดมากในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อไรที่มีความเข้าใจพระธรรม เพิ่มขึ้นๆ ก็เป็นเหตุให้กุศลต่างๆ ค่อยๆ เจริญขึ้นแทนอกุศลได้...

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต และกุศลวิริยะของ อ. คำปั่น ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 13 มี.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 13 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ ทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 13 มี.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornthip.d
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
หลานตาจอน
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Noparat
วันที่ 14 มี.ค. 2555

โลภะ ไม่อดทน โลภะ พาให้ไปทำอย่างอื่น

อวิชชา เป็นความไม่รู้ จะเปลี่ยนให้เป็นความรู้ ก็ไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่อวิชชาเกิด เมื่อนั้นไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง

๐ บาปธรรมทั้งหลาย ไม่เคยนำสิ่งดีๆ มาให้เลย

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณคำปั่นและทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ฟังธรรมกันมานานหลายปีแล้ว ฟังมาเยอะแยะแล้ว เห็นโทษของอกุศลบ้างหรือยัง?"

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Thanapolb
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอบพระคุณ อ.คำปั่น ที่ได้ปันธรรม จากการฟังและสนทนาธรรมของท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ทำให้เราผู้มีเวลาน้อย ผู้มีกิจมาก (มักไปทางอกุศลธรรม) ได้เข้าใจหัวข้อธรรมที่เข้าใจง่ายขึ้น ทีละเล็กที่ละน้อยเมื่อก่อน เราเป็นผู้ประมาทอยู่ เป็นผู้ทำกรรมอันเป็นปาบมากอยู่ ถูกชักจูงไปในทิศต่างๆ ด้วยกิเลส และเชื่อว่า ทุกคนเคยทำผิด พูดผิด คิดผิด แต่จะกี่คนที่จะยอมรับผิดแล้วแก้ไขขัดเกลาตนเอง

หากไม่ได้ฟังธรรม และน้อมนำมาใส่ใจด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง และยังต้องเป็นผู้ไม่ประมาท ดังคำกล่าวบางตอนใน อังคุลิมาลสูตร (หากคัดลอกมาผิด ขออภัยด้วย) ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลัง ผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่างดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
h_peijen
วันที่ 15 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pamali
วันที่ 28 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
kullawat
วันที่ 1 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ