อชิตปัญหา.. ปัญหาของอชิตมาณพ.. ๖ ก.ค. ๒๕๕๖
นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
อชิตปัญหาที่ ๑
(ว่าด้วยปัญหาของอชิตมาณพ)
จาก...[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๘๙๑
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๘๙๑
อชิตปัญหาที่ ๑
(ว่าด้วยปัญหาของอชิตมาณพ)
[๔๒๕] อชิตมาณพ ทูลถามปัญหาว่า
โลกคือหมู่สัตว์ อันอะไรหุ้มห่อไว้
โลกย่อมไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร พระองค์
ตรัสอะไรว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ อะไร
เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนอชิตะ
โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่
แจ่มแจ้งเพราะความตระหนี่ เพราะความ
ประมาท เรากล่าวตัณหา ว่าเป็นเครื่อง
ฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น.
อชิตมาณพทูลถามปัญหาว่า
กระแสทั้งหลาย ย่อมไหลไปใน
อารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแส
ทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้น
กระแสทั้งหลาย กระแสทั้งหลายอันบัณฑิต
ย่อมปิดกั้นได้ด้วยธรรมอะไร.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนอชิตะ
ดูก่อนอชิตะ สติเป็นเครื่องกั้น
กระแสในโลก เรากล่าวสติว่าเป็นเครื่องกั้น
กระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิต
ย่อมปิดกั้นได้ด้วยปัญญา.
อชิตมาณพทูลถามปัญหาว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา
สติ และนามรูป ธรรมทั้งหมดนี้ย่อมดับไป
ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถาม
แล้วขอจงตรัสบอกปัญหาข้อนี้แก่ข้าพระองค์
เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนอชิตะ
ดูก่อนอชิตะ เราจะบอกปัญหา
ที่ท่านได้ถามแล้วแก่ท่าน นามและรูปย่อม
ดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติและปัญญา
นี้ ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่ง
วิญญาณ
อชิตมาณพทูลถามปัญหาว่า
ชนเหล่าใด ผู้มีธรรมอันพิจารณา
เห็นแล้ว และชนเหล่าใดผู้ยังต้องศึกษาอยู่
เป็นอันมากมีอยู่ในโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้
นิรทุกข์ พระองค์ผู้มีปัญญารักษาตน อัน
ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกความ
เป็นไปของตนเหล่านั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนอชิตะ
ภิกษุ ไม่กำหนัดยินดีในกามทั้ง-
หลาย มีใจไม่ขุ่นมัว ฉลาดในธรรมทั้งปวง
มีสติ พึงเว้นรอบ.
จบอชิตมาณวกปัญหาที่ ๑.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากอรรถกถาได้ที่ีนี่
อรรถกถาอชิตปัญหา [ขุททกนิกาย สุตตนิบาต]
หมายเหตุ เนื่องจากพระสูตรนี้ ยังมีเนื้อหาที่จะต้องสนทนาเพิ่มเติม
มูลนิธิฯ จึงขอนำมาสนทนาต่อในสัปดาห์นี้
...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุปอชิตปัญหา
(ว่าด้วยปัญหาของอชิตมาณพ)
อชิตมาณพ เข้าไปกราบทูลถามปัญหากับพระผู้มีพระภาคเจ้า และ ในปัญหาแต่
ละข้อ พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ได้ตรัสตอบ โดยสรุป ดังนี้
โลก คือ หมู่สัตว์ อันอะไรหุ้มห่อไว้ = อวิชชาความไม่รู้
โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร = เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท
อะไรเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ = ตัณหา
อะไรเป็นภัยใหญ่ของโลก = ทุกข์
อะไร เป็นเครื่องกั้นกระแสตัณหา เป็นต้น = สติ
กระแสตัณหา เป็นต้น บัณฑิตปิดกั้นไว้ได้ ด้วยอะไร = ปัญญา
ปัญญา สติ นามรูป ดับ ณ ที่ไหน = นามและรูป ดับ ณ ที่ใด สติและปัญญา นี้
ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับไปแห่งวิญญาณ
ชนเหล่าใด มีธรรมอันพิจารณาเห็นแล้ว และชนเหล่าใดยังต้องศึกษาอยู่ = ผู้ไม่
กำหนัดยินดีในกามทั้งหลาย มีใจ ไม่ขุ่นมัว ฉลาดในธรรมทั้งหลาย มีสติ พึงเว้นรอบ
(ตามข้อความที่ปรากฏในพระสูตร)
ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา อชิตมาณพได้บรรลุพระอรหัตพร้อมกับอันเตวาสิก
๑,๐๐๐ ชนอีก ๑,๐๐๐ เหล่าอื่น ได้เกิดดวงตาเห็นธรรม.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
อชิตพราหมณ์ทูลถามปฐมปัญหากับพระผู้มีพระภาค (1)
โลกไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่ (2)
โลกไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท (3)
เรากล่าว ตัณหา ว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลก (4)
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองศ์นั้น
ขอกราบอนุโมทนาครับ
ไม่ประมาทด้วยการศึกษาธัมมะ อยู่ด้วยการไม่ขาดสติ ไม่ประมาท
ขออนุโมทนา
ล้วนแต่น่ากลัวทั้งนั้นเลย ตั้งแต่ อวิชชา ตัณหา ฯ ฟังธรรม โดย อ.สุจินต์ บรรยายมา 10 กว่าปี แล้ว ก็ได้แต่พอจะรู้จักหน้าตาของตัณหาเท่านั้น อวิชชา ยังไม่รู้จักลักษณะของอวิชชาเลย สติไม่มา ปัญญาเกิดน้อยเหลือเกิน แต่ก็พอรู้ว่าบังคับให้เกิดไม่ได้
ขอขอบพระคุณ อ.สุจินต์ และคณะวิทยากรทุกคนค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ อ.สุจินต์ฯ และคณะวิทยากรทุกท่านอย่างสูงค่ะ ถือว่าเป็นบุญของดิฉันที่ได้มาพบท่าน เมื่อว่างคราใดได้ฟังพระอภิธรรมจากท่าน คลายทุกข์ลงได้จริงๆ ค่ะ และขออนุโมทนาบุญค่ะ