จิตปรามาสพระพุทธเจ้าทำอย่างไร
จิตผมมักปรามาสบ่อย ทั้งมีคำด่าและภาพลามกต่างๆ แทรกเข้ามา ทุกครั้งถ้ามีเหตุการณ์นี้ผมจะสวดขอขมาพระรัตนตรัยประจำ จนถึงขนาดคำด่าคำหนึ่งเกิดขึ้นในใจเบาๆ ขณะขอขมาพระรัตนตรัย ผมจึงต้องสวดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรู้สึกโมโหตัวเองเหมือนกัน ห้ามไม่ให้ใจคิดไม่ได้เลย เป็นแบบนี้ทุกวันครับต้องแก้ยังไงครับ เมื่อจิตมันคิดเอง จะดูมันเฉยๆ ก็จิตตกไม่สบายใจ มันก็ไม่พ้นการปรามาสอยู่ก็ต้องขอขมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะหายครับ มีทางแก้ไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตคิดที่ไม่ดี ไม่ได้มีกำลัง ก็สามารถขอขมาพระรัตนตรัยในใจได้ครับ ก็ไม่มีโทษ ละโทษได้ในขณะนั้นประการที่สำคัญ ผู้ที่จะรู้ความเป็นไปของจิตจริงๆ ในขณะนั้น ก็ต้องมีปัญญารู้ความละเอียดของจิตของตนเองที่กำลังเกิดขึ้นว่าเป็นจิตอะไร ด้วยปัญญา เพราะปัญญาที่เกิด ย่อมเป็นสภาพธรรมที่ตรง ที่จะรู้ว่าขณะนั้น มีเจตนาอย่างไร และมีจิตประเภทอะไรที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทำกายวาจาเหล่านั้นอยู่ ปัญญาของตนเองจึงเป็นเครื่องตัดสินการกระทำของตนเองที่ผ่านมา
ประโยชน์ที่สำคัญคือ อยู่กับปัจจุบันด้วยความเข้าใจ ว่าขณะนี้อะไรที่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่ผ่านไปแล้วเกิดขึ้นและดับไปไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และมีแต่จะทำให้สงสัย และเดือดร้อนใจกับการกระทำที่ผ่านมา ที่กลัวจะเป็นบาป กลัวจะได้รับผลของกรรม ซึ่งความเดือดร้อนใจและความสงสัยเหล่านี้ ก็มาจากเหตุคือ อวิชชา ความไม่รู้ ที่ไม่รู้ว่าความจริงที่ผ่านมาก็เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ที่ทำบาปหรือไม่ทำบาป เมื่อไม่รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมย่อมเดือดร้อนในสิ่งที่ทำด้วยความยึดถือว่าเป็นเรา สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
การคิดถึงอดีตด้วยความเป็นเรา ย่อมไม่รู้ความจริง และคิดถึงอนาคตในสิ่งที่ยังไม่เกิดก็ทำให้ไม่รู้ความจริงเช่นกัน เพราะเหตุที่ว่า ทั้งอดีตและอนาคต ไม่ปรากฎลักษณะของสภาพธรรมให้รู้ แต่ควรพิจารณาสภาพธรรมปัจจุบัน อันจะทำให้รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีลักษณะให้รู้กำลังปรากฎ เพราะกำลังเกิดขึ้นเป็นไป อันเป็นไปเพื่อความรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไถ่ถอน อวิชชาและความเห็นผิด ย่อมไม่เดือดร้อนกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังไม่มาถึง ปัจจุบันขณะจึงควรอบรมปัญญา สะสมคุณความดีในจิตใจ ส่วนอดีตที่ผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ปัจจุบันแก้ไขใจตนเองคือ ละกิเลสที่มีในจิตใจ อันเป็นต้นเหตุให้ทำบาป ด้วยความมั่นคงในการศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรองเป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรมซึ่งก็หมายถึง สิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรมนั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริงๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริงๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตนๆ มีจริงในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย และสามารถที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงได้ สิ่งสำคัญคือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ นี้แหละคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อมีความเข้าใจค่อยๆ เจริญขึ้น แทนที่จะไปคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่น ก็คิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพราะเหตุว่าเคยได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว นั่นเอง
ไม่ควรไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญ ก็คือ ฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ละเลยโอกาสที่สำคัญที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น
ความเข้าใจพระธรรม จะเป็นเครื่องเกื้อกูลที่ดี ให้มีความประพฤติที่เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรยิ่งขึ้น จากที่มากไปด้วยอกุศล ก็จะสามารถเห็นโทษเห็นภัยตามความเป็นจริงแล้วขัดเกลาละคลายกิเลสของตนด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง คล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
จิตคิดไม่ดีเกิดขึ้นในขณะขอขมาอยู่ย้ำว่าขณะขอขมาอยู่นะครับ เพียงแค่รู้และไม่สนใจมันไม่ยึดมันให้มันดับไป เพียงเท่านี้ใช่ไหมครับไม่มีโทษอะไร
เรียน ความเห็นที่ 4 ครับ
เมื่อจิตคิดไม่ดีเกิดขึ้นอีกในขณะขอขมา แล้วดับไป ก็ขอขมาใหม่อีกได้ ครับ เปรียบเหมือนพระภิกษุที่ท่านทำผิดพระวินัยบ่อยๆ ก็ปลงอาบัติบ่อยๆ ศีลก็บริสุทธิ์ในขณะนั้น ครับ
เมื่อก่อนดิฉันก็เป็นเหมือนกันค่ะ ให้ฟังธรรมให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ ก็ค่อยหายไปค่ะ
ถ้าเราเผลอพูดแบบไม่ได้เต็มคำ แบบไม่ได้ตั้งใจ ออกมาแค่คำเดียวจะเป็นไรมั้ยคับ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 1 โดย paderm
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตคิดที่ไม่ดี ไม่ได้มีกำลัง ก็สามารถขอขมาพระรัตนตรัยในใจได้ครับ ก็ไม่มีโทษ ละโทษได้ในขณะนั้นประการที่สำคัญ ผู้ที่จะรู้ความเป็นไปของจิตจริงๆ ในขณะนั้น ก็ต้องมีปัญญารู้ความละเอียดของจิตของตนเองที่กำลังเกิดขึ้นว่าเป็นจิตอะไร ด้วยปัญญา เพราะปัญญาที่เกิด ย่อมเป็นสภาพธรรมที่ตรง ที่จะรู้ว่าขณะนั้น มีเจตนาอย่างไร และมีจิตประเภทอะไรที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทำกายวาจาเหล่านั้นอยู่ ปัญญาของตนเองจึงเป็นเครื่องตัดสินการกระทำของตนเองที่ผ่านมา
ประโยชน์ที่สำคัญคือ อยู่กับปัจจุบันด้วยความเข้าใจ ว่าขณะนี้อะไรที่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่ผ่านไปแล้วเกิดขึ้นและดับไปไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และมีแต่จะทำให้สงสัย และเดือดร้อนใจกับการกระทำที่ผ่านมา ที่กลัวจะเป็นบาป กลัวจะได้รับผลของกรรม ซึ่งความเดือดร้อนใจและความสงสัยเหล่านี้ ก็มาจากเหตุคือ อวิชชา ความไม่รู้ ที่ไม่รู้ว่าความจริงที่ผ่านมาก็เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ที่ทำบาปหรือไม่ทำบาป เมื่อไม่รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมย่อมเดือดร้อนในสิ่งที่ทำด้วยความยึดถือว่าเป็นเรา สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
การคิดถึงอดีตด้วยความเป็นเรา ย่อมไม่รู้ความจริง และคิดถึงอนาคตในสิ่งที่ยังไม่เกิดก็ทำให้ไม่รู้ความจริงเช่นกัน เพราะเหตุที่ว่า ทั้งอดีตและอนาคต ไม่ปรากฎลักษณะของสภาพธรรมให้รู้ แต่ควรพิจารณาสภาพธรรมปัจจุบัน อันจะทำให้รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีลักษณะให้รู้กำลังปรากฎ เพราะกำลังเกิดขึ้นเป็นไป อันเป็นไปเพื่อความรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไถ่ถอน อวิชชาและความเห็นผิด ย่อมไม่เดือดร้อนกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังไม่มาถึง ปัจจุบันขณะจึงควรอบรมปัญญา สะสมคุณความดีในจิตใจ ส่วนอดีตที่ผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ปัจจุบันแก้ไขใจตนเองคือ ละกิเลสที่มีในจิตใจ อันเป็นต้นเหตุให้ทำบาป ด้วยความมั่นคงในการศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ
ขออนุโมทนา
ถ้าเราเผลอพูดแบบไม่ได้เต็มคำ แบบไม่ได้ตั้งใจ ออกมาแค่คำเดียวจะเป็นไรมั้ยคับ
ตอนนั้นผมกำลังคิดว่า ถ้าเราปรามาสพระพุทธเจ้า แต่เรานับถือศาสนาอื่นจะเป็นไรมั้ย ถือว่าปรามาสมั้ยคับ
เรียน ความเห็นที่ 11-13 ครับ
สำคัญที่เจตนาว่าบุคคลนั้นมีเจตนากล่าวว่าร้าย หรือ ไม่มีเจตนากล่าวว่าร้าย จิตของผู้นั้นย่อมรู้เอง คนอื่นรู้ไม่ได้ ครับ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 14 โดย paderm
เรียนความเห็นที่ 11-13 ครับ
สำคัญที่เจตนาว่าบุคคลนั้นมีเจตนากล่าวว่าร้าย หรือ ไม่มีเจตนากล่าวว่าร้าย จิตของผู้นั้นย่อมรู้เอง คนอื่นรู้ไม่ได้ครับ
ผมนั่งอยู่ดีๆ มันก็ออกมาคำเดียวผมก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้เจตนากล่าวร้ายอะไรคับ ก็ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคับ
ตอนนั้นเพื่อนผมตั้งฉายาชื่อพระ แล้วผมเผลอพูดตาม แล้วผมไปขอขมาพระ องค์นั้นได้มั้ยคับ แล้วถ้าขอขมาแล้วกรรมจะหายรึป่าวคับ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 14 โดย paderm
เรียนความเห็นที่ 11-13 ครับ
สำคัญที่เจตนาว่าบุคคลนั้นมีเจตนากล่าวว่าร้าย หรือ ไม่มีเจตนากล่าวว่าร้าย จิตของผู้นั้นย่อมรู้เอง คนอื่นรู้ไม่ได้ครับ
เรียนความเห็นที่ 16-17 ครับ
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
ตอนนั้นผมพยายามห้ามจิตคิดด่า แต่ผมจะพูดคำอื่นดันไปพูดคำด่านั้น แบบเบาๆ และไม่ได้รู้สึกสะใจ หรือสนุกเลย และไม่พอในคำพูดตอนนั้นด้วยคับ ผมจะต้องทำยังไงคับ
เรียน ความเห็นที่ 21-22
การได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อเข้าใจถูกตามความจริงว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล ใดๆ เลย มีแต่สภาพธรรมทั้งสิ้น จึงไม่มีเราที่บาป แต่ความบาปมีจริง เป็นสภาพธรรมฝ่ายอกุศล สภาพธรรมทุกอย่างต้องเกิดเพราะปัจจัย ซึ่งประการหนึ่งก็คือ การเกิดขึ้นและสะสมสภาพธรรมนั้นๆ มาก่อน การได้รู้ว่ามีสภาพธรรมฝ่ายอกุศลเช่นความคิดไม่ดีเกิดขึ้น เป็นประโยชน์ ทำให้ไม่ประมาท ที่จะต้องฟังพระธรรมบ่อยๆ ด้วยความเคารพและอดทน ตั้งใจ ไตร่ตรอง พิจารณาตามคำที่ได้ฟัง เมื่อเข้าใจขึ้นๆ ความเคารพและรู้พระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเพิ่มขึ้นตามกำลังของความเข้าใจ ซึ่งขณะนั้นจิตที่คิดไม่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ จิตที่คิดดีจะเกิดบ่อยๆ ขึ้นเพราะระลึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ จนถึงการพิจารณาว่า เป็นความจริงจากได้สังเกตุสิ่งที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน นี้ก็คือความอัศจรรย์ของสภาพธรรมที่เป็นไปตามการปรุงแต่ง หากค่อยๆ เริ่มเข้าใจจริงๆ ว่า แม้ความคิดดี หรือคิดไม่ดี ก็ไม่สามารถบังคับบัญชาให้เกิดขึ้นได้ จึงไม่มีเราจริงๆ เลย ที่จะดีหรือไม่ดี แต่เป็นกิจของสภาพธรรมทั้งสิ้นที่เป็นไป ซึ่งถ้าไม่เริ่มจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้องตามที่ทรงแสดง จะไม่มีทางเข้าใจความจริงนี้ ดังนั้นการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจความจริง จึงเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การชำระล้างอกุศลที่หมักหมมสะสมในใจได้
ยินดีในกุศลที่ได้สนใจศึกษาพระธรรมจากมูลนิธืศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ถ่ายทอดพระธรรมได้ตรงตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สนใจข้อความเพิ่มเติมคลิ๊กที่
ไม่มีเรา แล้วมีอะไร?
ขออนุโมทนาค่ะ
อ้างอิงจาก หัวข้อ โดย berzerker
จิตผมมักปรามาสบ่อย ทั้งมีคำด่าและภาพลามกต่างๆ แทรกเข้ามา ทุกครั้งถ้ามีเหตุการณ์นี้ผมจะสวดขอขมาพระรัตนตรัยประจำ จนถึงขนาดคำด่าคำหนึ่งเกิดขึ้นในใจเบาๆ ขณะขอขมาพระรัตนตรัย ผมจึงต้องสวดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรู้สึกโมโหตัวเองเหมือนกัน ห้ามไม่ให้ใจคิดไม่ได้เลย เป็นแบบนี้ทุกวันครับต้องแก้ยังไงครับ เมื่อจิตมันคิดเอง จะดูมันเฉยๆ ก็จิตตกไม่สบายใจ มันก็ไม่พ้นการปรามาสอยู่ก็ต้องขอขมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะหายครับ มีทางแก้ไหมครับ
ผมก็เป็นเหมือนกันครับ รู้สึกว่าตนเองยังคุมจิตใจไม่ดีพอ ทั้งที่เราไม่ได้คิด แต่มันโผล่ขึ้นมาเอง