พญาช้างยอดกตัญญู มาตุโปสกชาดก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ถ้าพ่อแม่ของตนเอง ยังทำดีกับท่านไม่ได้ แล้วจะทำดีกับคนอื่นได้อย่างไร"
อ้างอิงจาก ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๔
"ตอบแทนพระคุณของผู้มีพระคุณ ต้องด้วยคุณความดีเท่านั้น ไม่ใช่ตอบแทนด้วยการกระทำชั่ว กระทำในสิ่งที่ผิด"
อ้างอิงจาก ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๐๔
"พ่อแม่ มีคุณ สิ่งที่มีคุณ เราจะไม่นับถือหรือ?"
อ้างอิงจาก ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๐๕
ขออนุญาตกล่าวถึงความประพฤติเป็นไปของบุคคล ผู้เป็นบัณฑิตในปางก่อนคือ พระโพธิสัตว์ ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่เป็นมารดา อย่างยิ่ง เป็นแบบอย่างที่ดีที่บุตรธิดาจะได้น้อมระลึกถึงและคล้อยตามความประพฤติที่ดี ด้วยความกตัญญูกตเวที รู้คุณของผู้มีพระคุณแล้วกระทำตอบแทน
ช่วงแรกจะขอสรุปชาดก ก่อนที่จะได้นำเข้าสู่เนื้อหาของมาตุโปสกชาดกทั้งหมด ซึ่งเป็นชาดกที่ว่าด้วยพญาช้างผู้เลี้ยงดูมารดา (มาตุ = มารดา โปสกะ = ผู้เลี้ยงดู) ดังต่อไปนี้ .-
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงดูมารดา ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้องไม่ผิดพระวินัยด้วยเพราะแม้บัณฑิตในปางก่อนก็ได้กระทำอย่างนี้มาแล้ว จึงได้ทรงยกชาดก (เรื่องที่เกิดขึ้น) นี้ขึ้นแสดง
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างเผือก มีรูปร่างสวยงาม มีช้าง ๘๐,๐๐๐ เชือกเป็นบริวาร พระโพธิสัตว์เลี้ยงดูมารดาผู้ตาบอด พระโพธิสัตว์จะฝากผลไม้อันมีรสอร่อยให้กับมารดาไปกับช้างที่เป็นบริวาร แต่ช้างเหล่านั้นกลับกินผลไม้เสียเอง ไม่ถึงมารดาพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์พบเห็นมารดาซูบผอม จึงทราบได้ว่ามารดา ไม่ได้ผลไม้ที่ตนฝากมาให้เลย จึงได้หลีกออกจากหมู่ช้าง เพื่อเลี้ยงดูมารดาเท่านั้น ด้วยการนำมารดาหนีออกจากหมู่ ไปอยู่ที่เชิงเขา แล้วพักมารดาไว้ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ส่วนตนเองก็ออกเที่ยวหาผลไม้มาเลี้ยงดูมารดาเป็นประจำ
วันหนึ่ง มีพรานป่าชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งเข้าป่ามาแล้วหลงทางออกจากป่าไม่ได้ จึงนั่งร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอยู่ พระโพธิสัตว์พอได้ยินเสียงคนร้องไห้ ด้วยความเมตตากรุณาในเขา จึงนำเขาออกจากป่าไปส่งที่ปากทางเข้าเมือง แล้วตนเองก็กลับไปยังที่อยู่ตามเดิม ฝ่ายนายพรานเมื่อพบช้างที่สวยงามเช่นนี้ ก็คิดชั่วร้ายตามการสะสมของเขา มุ่งหวังทรัพย์ที่จะได้จากการนำเรื่องนี้ไปกราบทูลแด่พระราชา เขาจึงทำสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นเครื่องหมายเพื่อที่จะกลับมายังป่านี้อีกในภายหลัง
ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ช้างมงคลของพระราชาได้ล้ม (ตาย) ลงพอดี พระราชาทรงมีรับสั่งให้ตีกลองร้องป่าวประกาศว่า ใครที่พบว่ามีช้างที่สวยงามขอให้บอกด้วยเพื่อที่จะได้เป็นช้างมงคลต่อไป นายพรานป่าผู้ชั่วช้าได้โอกาสเข้าเฝ้า เพื่อกราบทูลเรื่องพญาช้าง พร้อมทั้งให้นายหัตถาจารย์ (ควาญช้าง) พร้อมด้วยบริวารติดตามตนเข้าป่าเพื่อนำพญาช้างนั้นมาถวายแด่พระราชา
นายหัตถาจารย์เมื่อพบพญาช้าง คือ พระโพธิสัตว์ ก็รู้สึกถูกใจ ชอบในความสวยงาม ส่วนพระโพธิสัตว์ ขณะนั้น กำลังดื่มน้ำอยู่ในสระ เมื่อเห็นนายพรานป่านั้นกลับมาพร้อมกับผู้คนอีกมากมาย ก็ทราบถึงภัยมาถึงตัวแล้ว เพราะคนชั่วคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้พระโพธิสัตว์จะมีกำลังมาก แต่ก็ไม่ทำอันตรายแก่ชนเหล่านั้น นายหัตถาจารย์ได้นำพญาช้างเข้าไปในเมืองพาราณสี ฝ่ายนางช้างผู้เป็นมารดาของพระโพธิสัตว์ เมื่อไม่เห็นลูกมา จึงเศร้าโศกคร่ำครวญคิดถึงลูกว่า ลูกของเราคงจะมีคนจับไปเป็นแน่แท้
ฝ่ายนายหัตถาจารย์ ในระหว่างทางขณะกลับเข้าเมือง ได้ส่งสาส์นไปถึงพระราชาเพื่อตบแต่งพระนครให้สวยงาม เมื่อถึงแล้วก็ประพรมน้ำหอมพญาช้าง ประดับเครื่องทรงแล้วนำไปไว้ที่โรงช้าง แล้วกราบทูลแด่พระราชา
พระราชาทรงนำอาหารอันมีรสเลิศต่างๆ มาให้พระโพธิสัตว์ด้วยพระองค์เอง พระโพธิสัตว์คิดถึงมารดา จึงไม่ยอมกินอาหารนั้น เพราะจากแม่มาวันนี้เป็นวันที่ ๗ แล้ว พระโพธิสัตว์คร่ำครวญว่า นางช้างผู้กำพร้า ตาบอดไม่มีผู้นำทางคงสะดุดตอไม้ล้มลง ประสบอันตรายมากมายเป็นแน่
พระราชา ทรงสงสัย จึงตรัสถามว่า นางช้างที่ท่านกล่าวถึงนั้นเป็นอะไรกับท่าน พระโพธิสัตว์ ทูลว่า นางช้างนั้น เป็นมารดาของข้าพระองค์เอง
พระราชาเมื่อฟังแล้ว ทรงสะเทือนพระทัยเป็นอย่างยิ่งจึงทรงมีรับสั่งให้นำพญาช้างกลับไปที่เดิมเพื่อที่จะได้เลี้ยงดูมารดาต่อไป
พระโพธิสัตว์ ได้ทูลให้พระราชาทรงตั้งอยู่ในคุณธรรมเป็นผู้ไม่ประมาท แล้วได้กลับไปยังที่อยู่ของตน ได้นำน้ำในสระมา รด ตัวมารดาที่นอนร่างกายซูบผอม เพราะไม่ได้อาหารมาเป็นเวลา ๗ วัน ให้รู้สึกตัวก่อน เป็นอันดับแรก
ฝ่ายช้างมารดา เมื่อถูกน้ำราดตัว ก็เข้าใจว่าฝนตก จึงพูดขึ้นว่า ฝนช่างตกไม่รู้เวลาเลย ตอนนี้ลูกเราก็ไม่อยู่เสียแล้ว แล้วเราจะอยู่อย่างไร พระโพธิสัตว์ จึงพูดปลอบใจมารดาว่านี้คือลูกเอง ลูกปลอดภัยแล้ว พระราชาทรงปล่อยลูก ให้มาอยู่ดูแลแม่แล้ว ทำให้มารดาดีใจมากและได้กล่าวชื่นชมอนุโมทนาในน้ำพระทัยของพระราชา พร้อมทั้งได้ขอให้พระองค์มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
พระราชาทรงเลื่อมใส ในความกตัญญูของพญาช้าง จึงมีรับสั่งให้ตั้งอาหารไว้เพื่อพญาช้างและมารดาเป็นประจำตั้งแต่วันที่ปล่อยพญาช้างไป และรับสั่งให้สร้างรูปเหมือนพญาช้าง เตือนให้ระลึกถึงความกตัญญูของพญาช้างผู้มีความกตัญญูต่อมารดา จัดงานฉลองช้างขึ้นเป็นประจำทุกปี
พระโพธิสัตว์เมื่อมารดาเสียชีวิตแล้ว ก็ได้อยู่อุปัฏฐากพระฤๅษี ๕๐๐ ที่อาศรม ชื่อ กรัณฑกะ ด้วยทานวัตถุเท่าที่ตนเองจะหาได้ จนตราบเท่าชีวิตของตนในชาตินั้น
[ประชุมชาดก นางช้าง คือ พระนางสิริมหามายา นายพรานใจชั่วช้า คือ พระเทวทัต นายหัตถาจารย์ คือ พระสารีบุตร พระราชา คือ พระอานนท์ ส่วนพญาช้าง คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า]
สารธรรมที่เป็นข้อคิดที่ดี คือ ควรอย่างยิ่งที่จะได้กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ผู้มีความกตัญญู เป็นที่ชื่นชมยกย่องสรรเสริญของคนทั่วไป.
ขอเชิญคลิกอ่านมาตุโปสกชาดกได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
มาตุโปสกชาดก ว่าด้วยพญาช้างเลี้ยงมารดา
... ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ ...
พระราชาทรงเลื่อมใส ในความกตัญญูของพญาช้าง จึงมีรับสั่งให้ตั้งอาหารไว้เพื่อพญาช้างและมารดาเป็นประจำตั้งแต่วันที่ปล่อยพญาช้างไป และรับสั่งให้สร้างรูปเหมือนพญาช้าง เตือนให้ระลึกถึงความกตัญญู ของพญาช้างผู้มีความกตัญญูต่อมารดา จัดงานฉลองช้างขึ้นเป็นประจำทุกปี
อนุโมทนาค่ะ