การเกิดขึ้นและดับไป
เมื่อเห็นสภาพการเกิดดับ เมื่อนั้นจะรู้และเข้าใจ ได้จริงๆ ว่า ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น มีแต่ธรรมะ - สภาพธรรมความเข้าใจเกิดขึ้นอย่างนี้ ถูกหรือผิด?
ขออนุโมทนาบุญ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งครับ แม้แต่การเข้าใจเรื่องการเกิดดับของสภาพธรรมซึ่งข้อความในพระไตรปิฎกที่อธิบายการพิจาณาเรื่องความไม่เที่ยง ของสภาพธรรมนั้นเป็นปัญญาระดับสูง ระดับวิปัสสนาญาณครับ ไม่ใช่ปัญญาขั้นต้นและไม่ใช่เป็นปัญญาขั้นคิดนึก ตรึกพิจารณาอย่างนี้ครับ แต่ ไม่จำเป็นจะต้องถึงปัญญาของพระอริยบุคคล เพราะ แม้เป็นปุถุชน อบรมวิปัสสนาญาณ จนถึงขั้นที่ สาม ที่เป็น สัมมสนญาณ ที่เห็นการเกิดดับของนามธรรม รูปธรรม แต่ยังไม่ละเอียด และ เมือถึง วิปัสสนาญาณที่ ๔ คือ อุทยัพพยญาณ ก็สามารถเห็นการเกิดดับของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและ รูปธรรมได้จริงๆ ซึ่ง วิปัสสนาญาณสามารถเกิดได้ แม้ยังไม่ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ครับ
อย่างไรก็ดี เราจะต้องศึกษาด้วยความเข้าใจถูกว่าปัญญาขั้นต้นที่สำคัญนั้น ปัญญารู้อะไรเป็นอันดับแรก ไม่ใช่การรู้การเกิดดับของสภาพธรรมหรือความไม่เที่ยงของสภาพธรรมหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ แต่ปัญญาขั้นต้นต้องรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ รู้ตัวธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราก่อน ครับ
ซึ่งถ้ายังไม่รู้จักตัวธรรม จะไปเห็นความไม่เที่ยงของสภาพธรรมที่เป็นระดับวิปัสสนาญาณไม่ได้เลย เมื่อยังไม่รู้จักตัวธรรม แต่จะเห็นความไม่เที่ยงของสภาพธรรมไมได้ เพราะฉะนั้นหนทางที่ถูกต้องคือ ปัญญาเป็นไปตามลำดับ คือ การเข้าใจตัวธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราก่อน จึงจะเห็นความไม่เที่ยงได้ ซึ่งไกลและแสนยาก และต้องอาศัยระยะเวลายาวนานในการอบรมปัญญาครับ ดังนั้นพระธรรมที่เป็นความไม่เที่ยง จึงไม่ใช่กาคิดพิจารณา แต่เป็นการรู้ความไม่เที่ยงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้จริงๆ ว่าไม่เที่ยง เพราะขณะนี้โลกรวมกัน เที่ยง เห็นต้องเกิดดับ แต่ไม่เห็นว่าดับเลย ที่ปรากฏในขณะนี้ ปัญญาขั้นสูงมากเท่านั้นที่จะเห็นความไม่เที่ยงของสภาพธรรมในขณะนี้ โดยเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในเรือ่งสภาพธรรมเป็นเบื้องต้น ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ
สิ่งที่ไปรู้เกิดดับคืออะไรครับและตัวเค้าเองไม่เกิดไม่ดับใช่มั้ยครับ
โลก หรือ การเกิดดับ เทียบเคียงอย่างนี้พอจะได้หรือไม่ เพื่อให้เห็นแนวทาง
การปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานและ เห็นการเกิดดับนั้น คือเห็นอย่างไรคะ
ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๑
ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๒
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นอย่างอื่น นามธรรมเป็นนามธรรม รูปธรรมเป็นรูปธรรม โดยไม่ปะปนกัน สิ่งที่มีจริงทั้งหมดนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้อย่างแท้จริง สำหรับสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยนั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดมาแล้ว จะดำรงยั่งยืน เที่ยง ไม่ดับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สังขาร แม้อย่างหนึ่ง ที่เที่ยง ย่อมไม่มี นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรม นามธรรม คือ จิตและเจตสิก เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีขณะที่สั้นมาก เพียงแค่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเท่านั้น ส่วนรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ มีอายุที่ยืนยาวกว่าจิต แต่แม้กระนั้น ก็ไม่มีรูปแม้แต่รูปเดียวที่เกิดแล้วเที่ยง ยั่งยืน ไม่ดับ เพราะรูปทุกรูป เกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
การเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรม นั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี เพราะเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดปรากฏแล้วก็ดับไป ขณะนี้ก็มีสภาพธรรมที่เกิดดับ และตราบใดที่มีสภาพธรรมเกิดดับสืบต่อกันไป ก็ยังมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ทำให้วนเวียนในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ต่างๆ มากมาย การประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปเป็นปัญญาระดับที่เป็นวิปัสสนาญาณ แต่แม้ยังไม่ถึง ก็เริ่มเข้าใจถูกเห็นถูกได้ว่า เป็นการแสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไป ไม่มีเที่ยงไม่ยังยืน
การศึกษาธรรม เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ซึ่งต้องเข้าใจถูกว่า นามธรรมเป็นนามธรรม รูปธรรมเป็นรูปธรรม โดยไม่ปะปนกัน เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งจะขาดการฟัง การศึกษาการพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของธรรมไม่ได้เลย และที่สำคัญการที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก จะรู้ความจริง ก็ไม่ใช่ไปรู้สิ่งอื่น นอกจากสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้จนกว่าจะค่อยๆ รู้ความจริงของสิ่งนั้นยิ่งขึ้น ในขณะนี้เป็นธรรมซึ่งสามารถศึกษาให้เข้าใจได้ เพราะมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ปัญญาจะเจริญขึ้นก็ต้องจากการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...