จิตมีศูนย์กลางของการประมวลผลหรือไม่

 
ckannikar
วันที่  9 ส.ค. 2567
หมายเลข  48267
อ่าน  172

ขอประทานโทษนะคะ หากเป็นคำถามที่ดูไร้สาระมากเกินไป และเนื่องจากดิฉันไม่ได้ติดตามอ่านประจำ หากคำถามประเภทนี้บังเอิญเคยมีการอธิบายไว้แล้ว ก็รบกวนขอลิงค์เพื่อให้ตามไปอ่านด้วยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ คือ ดิฉันฝึกวิปัสนาอยู่ค่ะ แต่ปัญญาน้อย เกิดความสงสัยว่า กระบวนการของวิปัสนาที่ดิฉันกำลังปฏิบัติคือการเคลื่อนที่เพื่อรับรู้เวทนาไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น หากขันธ์5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) มีอยู่ในทุกๆ ตำแหน่งในร่างกายแล้ว สิ่งที่เคลื่อนที่ไปเพื่อรับรู้เวทนาที่ตำแหน่งต่างๆ ของร่างกายคืออะไร เป็นจิตส่วนที่เป็นศูนย์กลางของการประมวลผลหรือไม่ คือหากคิดแบบธรรมดา (วิทยาศาสตร์การแพทย์) เราก็ต้องบอกว่าสมองเป็นผู้สั่งงาน ให้เราเอาจิต (วิญญาณ-ตัวรับรู้) เป็นตัวเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตามตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย แต่ในคำสอน (ธรรมะ) เหมือนกับบอกว่า จิตและขันธ์5 มีอยู่ในทุกที่ (ทุกๆ ส่วนของร่างกาย) และมันทำงานตลอดเวลา เกิดดับอยู่ตลอดเวลา เราแค่"เคลื่อนที่ความสนใจ"ไปทีละส่วนของร่างกายเพื่อไปดูและรับรู้ธรรมชาติของมันเท่านั้น.. ดิฉันสงสัยว่า อะไรเคลื่อนที่ (ในเมื่อจิตก็มีอยู่ที่ร่างกายตำแหน่งนั้นเองอยู่แล้ว) หรือว่า มีจิตที่เป็นศูนย์กลางของการประมวลผลของทั้งร่างกายด้วยและสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราทำให้เคลื่อนที่ไป.. ดิฉันคิดเอาเองว่า ดิฉันรับรู้ว่าทุกตำแหน่งของร่างกายมี รูป เวทนา วิญญาณ จริง แต่ สัญญา และสังขาร ในแต่ละตำแหน่งยังไม่สามารถเห็นหรือรับรู้ได้ว่ามีและยังไม่เห็นการเกิดดับของสัญญา สังขาร ในแต่ละตำแหน่ง.. หรือเป็นเพราะการเคลื่อนที่ของดิฉันเร็วเกินไปคะ.. รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 11 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรอย่างยิ่งที่จะได้ตั้งต้นในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ เพราะเหตุว่าวิปัสสนา ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นปัญญาที่เห็นอย่างแจ่มแจ้งในความเป็นจริงของธรรม ซึ่งถ้าไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ขึ้นฟังแล้ว ก็ไม่สามารถถึงวิปัสสนาได้เลย การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน จึงเป็นที่พึ่งที่แท้จริง เพราะทุกขณะไม่พ้นจากธรรมเลย แม้แต่ที่กล่าวถึงขันธ์ ๕ ก็คือ ขณะนี้ โดยไม่ต้องไปทำอะไรเลย ขอเพียงฟังให้เข้าใจ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็สามารถรู้ความเป็นจริงขันธ์แต่ละหนึ่งได้ ซึ่งก็คือ เป็นการรู้ธรรมในขณะนี้นั่นเอง

ขันธ์ แปลว่า สภาพธรรมที่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า กล่าวคือ ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ขณะนี้ เป็นขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ขันธ์ มี ๕ ตามข้อความจาก มโนรถปูรณี อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ติตถสูตร ว่า

“จิต นั้น ได้แก่ วิญญาณขันธ์
เวทนาที่เกิดร่วมกับวิญญาณขันธ์ นั้น ชื่อว่า เวทนาขันธ์
สัญญาที่เกิดร่วมกับวิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า สัญญาขันธ์
ผัสสะและเจตนา เป็นต้น ที่เกิดร่วมกับวิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า สังขารขันธ์
ขันธ์ทั้ง ๔ ดังว่ามานี้ ชื่อว่า อรูปขันธ์ (นามขันธ์ ๔) .
อนึ่ง มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ ชื่อว่า รูปขันธ์.
บรรดารูปขันธ์และอรูปขันธ์นั้น อรูปขันธ์ ๔ เป็นนาม รูปขันธ์เป็นรูป.
มีธรรมอยู่ ๒ อย่างเท่านั้น คือ นาม ๑ รูป ๑.”


สำหรับจิตหรือวิญญาณขันธ์ นั้น เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ (อารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้) ทุกขณะของชีวิตจึงไม่เคยขาดจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที

การฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ทำให้เริ่มเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีในขณะนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดแล้วก็ดับ ไม่กลับมาอีกเลย ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า กล่าวคือ ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนเป็นสัตว์เป็นบุคคล ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ธรรมก็เป็นอย่างนี้ เป็นแต่ละขันธ์ แต่ละขันธ์จริงๆ ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ ckannikar และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ckannikar
วันที่ 13 ส.ค. 2567

กราบขอบพระคุณที่กรุณาพยายามจะอธิบายให้คนที่ยังมืดบอดทางปัญญาค่ะ ดิฉันเข้าใจเรื่องขันธ์ 5 อยู่บ้าง แต่ประเด็นที่ยังสงสัยคือ ในเมื่อจะมีสมองหรือไม่มีสมอง (สัตว์ชั้นต่ำ) ก็มีจิตมีขันธ์ 5 ..สมองเป็นรูป.. แปลว่าจิตเป็นคนละส่วนกับสมอง และจิต (หรือขันธ์ 5) มีอยู่ในทุกๆ ส่วนของร่างกาย คำถามที่ยังไม่ชัดเจนคือ ในร่างกายของสัตว์แต่ละรูปๆ นั้น มีศูนย์รวมของจิตหรือไม่ ถ้ามีอยู่ที่ไหน

กราบขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ส.ค. 2567

ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตต้องมีที่เกิด

รูปที่เป็นที่เกิดของจิตมี ๖ รูป จักขุปสาท ๑ เป็นที่เกิดของจิตเห็นเดี๋ยวนี้ กุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก โสตวัตถุ ใครทำให้เกิดไม่ได้เลยนอกจากกรรม เป็นที่เกิดของจิตที่กำลังได้ยินเดี๋ยวนี้ จิตที่ได้ยินเดี๋ยวนี้ไม่ได้เกิดที่อื่นเลย เวลารู้กลิ่น ฆานวิญญาณ ก็เกิดที่ฆานปสาท เมื่อเป็นที่เกิดก็ใช้คำว่า “ฆานวัตถุ” ขณะที่กำลังรู้รสที่กำลังปรากฏ ขณะนั้นก็เป็นจิตที่กำลังรู้รส เป็นชิวหาวิญญาณเกิดที่ชิวหาปสาท ขณะนั้นเป็นชิวหาวัตถุ

ขณะนี้แข็งหรืออ่อน ใครยับยั้งได้ เกิดแล้วตามเหตุปัจจัย จิตที่รู้แข็งก็เกิดที่กายปสาทซึ่งขณะนั้นเป็นกายวัตถุ จริงๆ แล้วกรรมก็ทำให้เกิดทุกอนุขณะซึมซาบอยู่ทั่วตัว

เพราะฉะนั้น จิตจะเกิดนอกรูปไม่ได้ ตั้งแต่ขณะแรกที่เกิด และขณะต่อๆ ไปจิตก็จะต้องเกิดที่รูปหนึ่งรูปใดใน ๖ รูป

ที่มา และฟังเพิ่มเติม ...

วัตถุ - รูปที่เป็นที่เกิดของจิต

ปสาทรูป ๕ กับ ที่เกิดของจิต

ที่เกิดของจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ได้แก่ วัตถุ ๖

มีเพียง ๖ รูปเท่านั้นที่เป็นที่เกิดของจิต

วัตถุที่เป็นที่เกิดของจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ckannikar
วันที่ 16 ส.ค. 2567

กราบขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านที่กรุณาอธิบายค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ