ไปปฏิบัติที่สำนักไหนดี

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  5 ก.ย. 2567
หมายเลข  48416
อ่าน  235

ผมทนฟังการบรรยายเรื่องเกี่ยวกับสถานที่ปฏิบัติของอาจารย์ไม่ได้จริงๆ มันเสียวหัวใจชอบกล พูดไม่ถูกจริงๆ เดี๋ยวอาจารย์ก็กล่าวย้ำว่า เรื่องสถานที่ไม่จำกัด ที่ไหนๆ ก็ได้

ใครเบื่อการฟังเรื่องสำนักปฏิบัติบ้าง ถ้าเบื่อมีความเมตตาหวังดี ต่อคนที่เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า ทั่วบ้าน ทั่วเมือง ทั่วโลก สมควรไหม ที่จะมีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เขาได้ไตร่ตรอง ซึ่งจะช่วยให้เขาพ้นจากความเห็นผิด ซึ่งเป็นโทษอย่างยิ่งทุกชาติ

ถามคนที่จะไปสำนักปฏิบัติได้เลย เข้าใจธรรมหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าใจธรรม ไปแล้วจะเข้าใจหรือ

ท่านที่ไปสำนักปฏิบัติ หรือเข้าใจว่าต้องไปสำนักปฏิบัติ จะมีความรู้สึกว่า ได้แยกชีวิตประจำวันออกจากสำนักปฏิบัติแล้ว เพราะถ้าการไปสู่ที่หนึ่งที่ใดโดยเฉพาะด้วยความตั้งใจที่จะอบรมเจริญปัญญา ย่อมแสดงว่าปกติประจำวันไม่ได้เจริญปัญญา แต่ถ้าเป็นผู้ที่ปกติประจำวันเจริญปัญญาอยู่แล้ว จะไปที่ไหน ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า สำนักปฏิบัติ


ที่มา อ่าน และฟังเพิ่มเติม

เรื่องเกี่ยวกับสถานที่ปฏิบัติ สำนักปฏิบัติ

สำนักปฏิบัติ

การเจริญสติปัฏฐานต้องไปปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆ ไหม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Kalaya
วันที่ 5 ก.ย. 2567

สาธุค่ะ เคยหลงทางค่ะ เมื่อได้ฟังธรรม ถึงทราบว่า ปฏิบัติไม่ใช่ภาษาไทย ฟังแล้วคำนี้ ลึกซึ้งมากๆ พระธรรมยิ่งฟัง ยิ่งอ่าน ยิ่งไพเราะ เพื่อขัดเกลากิเลสที่มีมากมาย ถ้ารู้จักกิเลสถึงจะได้ลดกิเลส ขัดออกจากจิตบ้าง ค่ะ ยากมากที่จะอธิบายให้ญาติ เพื่อน ออกจากทางเห็นผิดมาเดินทางนี้ค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 5 ก.ย. 2567

ผู้ที่ได้ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม ต่างก็มีความเห็นใจกับผู้ที่ได้ยินว่า พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงอันประเสริฐ แล้วทรงแสดงธรรม แต่ก็ไม่ศึกษาธรรม ไม่ฟังคำที่ทรงแสดง แต่ไปฟังคำของผู้ที่ไม่ศึกษา คิดเอง แต่งขึ้นมาเอง ก็ไม่รู้ว่า ธรรมคืออะไร ธรรมอยู่ที่ไหน แล้วไปหาธรรมที่ไกลๆ ปฏิบัติตามคำที่ไม่ทำให้รู้ความจริง ผลก็คือไม่รู้ต่อไปเพิ่มขึ้นๆ น่าเสียดายเวลาของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่สามารถฟัง สะสมความเข้าใจได้ แต่ละทิ้งโอกาสนั้นไปหมด ซึ่งถ้าเกิดในอบายภูมิ ก็ยากแสนยากที่จะได้รับโอกาสเช่นนี้ และส่วนใหญ่ ตายจากมนุษย์แล้ว ผลของกรรมนำเกิดที่ไหน?

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง ที่ถ่ายทอดความจริงให้ไม่ต้องเดินทางไปไหนอีกแล้ว เพราะรู้ว่าธรรมมีอยู่ตลอดเวลา และยินดีในกุศลกับท่านผู้เผยแพร่พระธรรมที่ถูกตรงตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุเคราะห์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ยังไม่รู้ว่า ธรรมอยู่ที่ไหน ให้ได้รู้จักธรรมจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่จะหมดสิ้นภพชาตินี้ ได้สะสมสิ่งที่มีค่า ต่อๆ ไป เป็นเสบียงที่มีค่า ในการเดินทางไกล ที่จะสิ้นสุดการเดินทางแสวงหาได้ในวันหนึ่ง

ศึกษาเพิ่มเติมที่

ธรรมคือสิ่งที่มีจริง

สำนักปฏิบัติธรรม ทำลายพระพุทธศาสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
talaykwang
วันที่ 5 ก.ย. 2567

ธรรม คือ ชีวิตประจำวันทุกขณะ ชีวิตปกติตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนหลับตานอน และแม้นอนหลับก็ยังมีธรรมทำกิจอยู่ตลอดเวลา เห็นก็เป็นธรรม ได้ยินก็เป็นธรรม ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้กระทบสัมผัส ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นธรรม แต่ไม่เคยรู้ความจริงเลย

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรบารมีเพื่อตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งเรียกว่า ธรรม ทรงใช้เวลาถึง สี่อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อชี้ทางให้ผู้ที่ยังมืดบอด ได้ออกจากความทุกข์ทั้งปวง

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

กราบขอบพระคุณผู้เกื้อกูลพระธรรมและยินดียิ่งในกุศลทุกประการ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
narongdej.kamolpirom
วันที่ 6 ก.ย. 2567

บางคนเลือกที่จะพูดหรือไม่พูดบางเรื่อง เพราะกลัวคนจะไม่ถูกใจ หรือจะไม่พอใจ แม้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่สมควรจะพูดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้นั้นเอง

แต่ท่าน อ.สุจินต์ พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน และก็ไม่เคยหยุดที่จะพูด ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเพื่อให้คนเข้าใจถูกต้องในพระสัทธรรมแล้ว

ผมเองเมื่อได้ฟังท่านอาจารย์ใหม่ๆ เรื่องนี้ ผมก็ยังคงคิดที่จะไปปฏิบัติอยู่อีก เป็นเช่นนี้หลายปี ในขณะที่ก็ยังคงฟังท่านอาจารย์สอนไปเรื่อยๆ

แล้วก็มาเข้าใจจริงๆ ในภายหลังว่า การไปปฏิบัติธรรม เช่น เดินจงกรม ดูอิริยาบถ รูปเดิน รูปนั่ง รูปยืน รูปนอน ยิ่งเป็นการเพิ่มความเป็นเรา ไม่ใช่ละความเป็นเรา ไม่ใช่การเพิกฆนะ มีแต่เราที่กำลังก้าวเดินหนอ เราย่างหนอ เรานั่งหนอ ฯลฯ มีแต่ความเป็นเรา ในขณะก้าวเดิน ก็นึกถึงแต่รูปขาที่กำลังก้าว ในขณะนั่งพิจารณายุบหนอ พองหนอ ก็มีแต่นึกถึงหน้าท้องที่กำลังพองขึ้น ยุบลง เป็นก้อน เป็นแท่ง แล้วจะเพิกฆนะได้อย่างไร ในเมื่อฆนะเป็นสิ่งที่ปิดบังอนัตตลักษณะอยู่ แทนที่จะเพิกฆนะ กลับยิ่งเป็นการเพิ่มอัตตสัญญา เพิ่มความเป็นเรา ทั้งที่เราก็สะสมความเป็นเรามากี่แสนโกฏิกัปแล้ว

แต่เวลาที่ได้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์ มีแต่ยิ่งเพิ่มความมั่นคงในความเข้าใจว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรมะที่กำลังปรากฏ ถ้าไม่รู้ของจริงที่กำลังปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ แล้วจะมีประโยชน์อะไร

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ก.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ