สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 6 สนทนาธรรมวันที่ 3
สนทนาธรรมวันที่ 3
2 ม.ค. 2558
วันนี้ สนทนาธรรมทั้งช่วงเช้าและบ่ายเช่นเคย ช่วงเช้าเข้าไปฟังตอน10 โมง เพราะต้อง รายงานข่าววันก่อนให้เสร็จ มิฉะนั้นจะเป็นดินพอกหางหมู แล้วก็จะลืมว่าวันก่อนทำอะไรบ้าง เข้าไปเห็นผู้ร่วมเข้าฟังมากกว่าทุกวัน จนที่นั่งเต็ม พวกเราคนไทยต้องยืนฟังอยู่หลังห้อง น่า ปลื้มใจจริงๆ ที่มีคนสนใจมากขนาดนี้
แม้จะเข้าไปฟังสาย แต่ก็ทันได้ยินสหายธรรมเวียดนามเป็นหญิงสาวสวยกล่าวว่า คำสอน อย่างที่ท่านอาจารย์สอนนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต เพียงได้ยินก็เกิดปีติ ใจเบาสบาย เห็นสีหน้า Tam Bach คนแปลและคณะผู้จัดแช่มชื่นมาก เธอกล่าวว่าสาธุ สาธุ สาธุ ได้เห็น สีหน้า ที่แสดงความปีติของผู้เข้าใจธรรมะแล้ว ก็พลอยปีติไปด้วย
ท่านอาจารย์กล่าวว่า คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ใหม่เสมอสำหรับผู้ไม่เข้าใจ ก่อนการตรัสรู้ของพระองค์ ก็ไม่เคยมีใครได้ยินคำสอนว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะที่มีจริง ที่กำลัง ปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เกิดแล้วก็ดับไปทันที ไม่กลับมาอีก เลย เมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ทรงน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงธรรม เพราะธรรรมะนั้นลึกซึ้งมาก และสวน กระแสของโลก ที่ยึดถือว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เที่ยงและเป็นสุข แต่เพราะพระมหากรุณาคุณ ทรงทราบว่า มีผู้สะสมความเข้าใจมาแล้ว เมื่อได้ฟังอีก ก็สามารถรู้ตามได้
พักรับประทานอาหารกลางวันตอน 11 โมง คุณ Thai เปลี่ยนร้านอาหารไปเขตต่างๆ เพื่อ ให้พวกเราได้ชมเมืองไซ่ง่อนอย่างทั่วถึง และหลังทานอาหารเสร็จ ใครจะกลับโรงแรม หรือ เที่ยวชมเมืองต่อก็ได้ เพราะสนทนาธรรมช่วงบ่ายเริ่ม 4โมง ถึงหกโมงเย็น
วันนี้บางท่านจึงเข้าชมพิพิธภัณฑ์ บางกลุ่มเดินเล่นกลับโรงแรม บางกลุ่มรีบกลับมานอน เอาแรงที่โรงแรม บางกลุ่มเดินช็อปปิ้ง (คงเดาออกว่ามีใครบ้าง) ช่างเข้าใจผู้ที่ยังมีโลภะ หลากหลายจริงๆ
ตอนบ่ายคนฟังก็ยังมากเหมือนเดิม ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ท่านอาจารย์อาจได้ตั้ง มศพ. สาขาไซ่ง่อนก็ได้ ได้เห็นครอบครัวหนุ่มสาวอุ้มลูกจูงหลานมาฟังด้วย คงไม่มีใครเลี้ยงลูกให้ ที่บ้าน คนฟังเก่าก็ยังมาฟังเหมือนเดิม แสดงว่าฟังเข้าใจบ้างแล้ว ถ้าไม่เข้าใจเลยคงไม่ติดตาม มาฟังต่อเนื่อง
พวกเราบางคน ออกจากห้องประชุมก่อน เพื่อเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นบนเรือ สำเภาอินโดจีน วันนี้นั่งแท๊กซี่ไปท่าเรือกันเอง เคยไปครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อน คิดว่าจะเหมือนเดิม ที่เป็นเรือเหล็กขนาดใหญ่ 3 ชั้น มีผู้โดยสารหลายร้อยคน มีกลาสีเรือแต่งชุดขาวมายืนเข้า แถวต้อนรับ มีการแสดงหลายชุด และอาหารมากมาย เห็นว่าบริษัทนั้นเลิกกิจการไปแล้ว อาจจะขาดทุน
วันนี้ได้นั่งเรือไม้ 2 ชั้น มีไฟประดับเป็นใบเรือสำเภา ก็สนุกเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนเดิม ที่จริงแล้วไม่มีขณะไหนที่เหมือนเดิม เกิดแล้ว ดับไป หมดไป ไม่กลับมาอีกเลย
... อ่านตอนต่อไป ...
... อ่านย้อนหลัง ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของคุณแม่เป็นอย่างยิ่ง และคุณพ่อ ถ่ายภาพสวยมากค่ะ
"เพราะรู้ธรรม จึงพร่ำเพียร เพิ่มกุศล"
กราบอนุโมทนาในศรัทธาของคนเวียดนามทุกๆ ท่านที่ร่วมสนทธรรมครั้งนี้ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนากับ คุณพี่แดง อาจารย์ ร.ศ. สงบเชื้อทอง ที่ได้นำเรื่องราว และภาพมาให้ดูได้ทุกมุม นอกจากท่านทั้งสอง ได้มีกุศลจิตที่นำสนทนาธรรมที่ไซ่ง่อนมาให้อ่านทุกวัน ท่านก็ได้ดูแลท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนขตต์ ทุกครั้งที่ท่านอาจารย์ออกมาจากห้อง เพื่อไปรัปทานอาหาร หรือเวลาที่ท่านอาจารย์ ไปสนทนาธรรม บรรยากาศในห้องสนทนาธรรมคึกคักมาก กลุ่มสหายธรรมที่เชิญท่านอาจารย์ ได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี มีระเบียบ มีการนัดแนะกันว่าใครควรทำอะไร พวกเขาทุกคนอายุยังน้อย แต่การทำงานทำได้ดีเหมือนผู้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี ขณะที่ท่านอาจารย์สนทนาธรรม พวกเขาก็รายงานสดผ่านInternet. ทำด้วยการพิมพ์ คนที่พิมพ์เขาพิมพ์ได้เร็วมาก ฉะนั้นคนที่ติดตามสนทนาธรรมทางบ้าน ก็ได้รับข้อมูลทันที่ คนเวียตนามเขามีวินัยในการทำงาน และช่วยเหลือกัน เพราะสมัยผมอยู่ที่อเมริกา ผมได้รู้จักชาวเวียตนามที่นั่น (การเป็นมิตรเป็นเพื่อนและช่วยเหลือกันทำให้ประเทศของเขาฟื้นฟูจากสงครามได้อย่างเร็ว) . งานสนทนาธรรม จัดที่โรงแรมระดับหนึ่งของที่นี่ ผ่านมาได้ดีทุกครั้ง ผมให้คะแนนเต็มร้อยเลย
ปริญญา
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงในความเมตตาสหายธรรมทุกเชื้อชาติค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ วิทยากร และผู้ร่วมสนทนาธรรมทุกท่าน และที่ขาดไม่ได้เลย พี่สงบ คงเป็นช่างภาพมืออาชีพไปแล้ว และพี่แดง ที่เรียบเรียง ถ่ายทอด บรรยากาศ ได้ละเอียดยิบ ชื่นใจตอนที่ชาวเวียดนาม ให้ความเคารพท่านอาจารย์ลุกขึ้นยืนก่อนที่ท่านอาจารย์จะนั่งค่ะ
ภาพสวยงามมากๆ ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ