เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 7
ไม่เป็นปกติที่ Doc Let
เดินทางมาพักผ่อนและสนทนาธรรมภาคภาษาอังกฤษต่ออีก 2 วัน ที่ ซกเล็ท รีสอร์ทขนาดใหญ่ริมทะเลที่มีหาดทรายขาวยาวเหยียด ทรายที่นี่ละเอียดและขาวเหมือนแป้งฝุ่นสีครีม นุ่มเท้าเวลาสัมผัส ละมุนตาเมื่อมอง ทะเลสีเขียวครามสะท้อนแสงอาทิตย์เห็นฟองคลื่นสีขาวม้วนตัวสัมผัสหาดทรายขาว เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาที่สวยงามเหลือเกิน เห็นแล้วติดข้องอย่างมากอยากจะเห็นอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็เห็นว่าสวยงามอย่างนั้นเพียงขณะแรกที่ปรากฏเท่านั้น เมื่อชินตาแล้วก็ไม่ติดข้องมากเหมือนเดิม อยากเห็นอย่างอื่นอีก ความติดข้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ ใกล้เวลาอาหารกลางวันก็อยากรับประทานอาหารมากกว่าอยากเห็น ลิงตัวนี้โหนตัวจากกิ่งนี้ไปกิ่งโน้นไม่ได้หยุดนิ่งเลย
หลังพักผ่อนถึงบ่ายสามโมง ก็เริ่มสนทนาธรรมที่สนามหญ้าใต้ต้นมะพร้าว ริมสระน้ำ มีคนใหม่ติดตามมาฟังหลายคน รวมทั้งฝรั่งที่เราเข้าใจว่าเป็นนักดนตรีด้วย จากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือเล่าว่า เขาพบแม่ชีที่ชายหาดชวนกันมาฟัง แต่คุณ Tam Bach ที่น่าเชื่อถือที่สุดบอกว่า ฝรั่งคู่นี้ (สามีภรรยา ที่เราเข้าใจว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่ เพราะผู้หญิงตัดผมแบบผู้ชาย ตัวสูงใหญ่กว่าผู้ชาย และมีรอยสักเต็มแขน) นับถือพุทธเดินทางแสวงหาสำนักปฏิบัติที่ถูกใจไปทั่ว จนถึงที่ Dalat พบแม่ชีที่สำนักปฏิบัติชวนให้มาสนทนาธรรมที่ญาจาง จึงมาร่วมในสองวันสุดท้าย และมาดักรอที่ซกเล็ทเพื่อสนทนาธรรมต่อ และมีคนเวียดนามจากไซ่ง่อนที่เคยร่วมสนทนาเมื่อต้นปี ก็พาครอบครัวมาสมทบด้วย รวมถีงหลานสาวคนสวยของ Tam Bach ที่แต่งงานกับคนเยอรมัน นับถือพุทธแบบธิเบต ซึ่งเธอพบว่ายากจะนำมาใช้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน พุทธแบบธิเบตต้องการที่เงียบๆ ไม่พบปะผู้คน ไม่ทำอะไร นอกจากนั่งสมาธิ ซึ่งคงเหมาะสำหรับนักบวชที่สละชีวิตของผู้ครองเรือนแล้ว ไม่ใช่ชีวิตตามปกติของคฤหัสถ์
ผู้ร่วมสนทนาส่วนใหญ่ไปทำสมาธิที่สำนักปฏิบัติ อย่าง มร.ฉี ที่มาจากไซ่ง่อน ก็เพิ่งกลับจากสำนักปฏิบัติที่ไปมา 10 วัน มร.ซาว วิศวกร คนญาจางที่ขับรถพาท่านอาจารย์มาซกเล็ท ก็นั่งสมาธิตอนเช้าครึ่งชั่วโมงทุกวัน มิสเฮียน หลานคุณตั้มบัค ก็นั่งสมาธิ ทุกคนยังคิดว่านั่งดีกว่าไม่นั่ง เพราะมีความสุขและทำให้เข้าใจคำสอนง่ายขึ้น ท่านอาจารย์ถามว่านั่งเพราะอะไร เพราะความต้องการใช่ไหม เพราะความเป็นตัวตนใช่ไหม เพราะความไม่รู้ใช่ไหม ถ้าใช่ แต่ละครั้งที่นั่งก็สะสมความไม่รู้ ความติดข้อง และความเห็นผิดมากขึ้น จนในที่สุดทำให้เข้าใจคำสอนผิด เป็นโทษอย่างยิ่งเพราะทำให้คำสอนที่ถูกต้องอันตรธานจากความเข้าใจของตัวเอง หลงอยู่ในวัฏฏะอีกนานแสนนาน หาทางออกไม่ได้
ที่ซกเล็ทมีทิวทัศน์สวยงาม ทั้งทะเลงาม เทือกเขาสลับซับซ้อน บรรยากาศที่รีสอร์ทก็ร่มรื่นสวยงามด้วยสนามหญ้าเขียวขจี ได้ลงทะเลว่ายน้ำแต่เช้า ทะเลใสสะอาด สนุกเพลิดเพลินจนไม่อยากขึ้น ตอนสนทนาธรรมภาคบ่ายเมื่อวานก็กระสับกระส่าย ไม่เป็นสุข อยากให้จบไวๆ เพราะอยากลงทะเล แต่มีผู้สนใจถามปัญหามาก จนค่ำ ลงทะเลไม่ได้แล้วเพราะหนาว ไม่อยากเป็นคนแบบนี้เลย พยายามเป็นคนที่เห็นประโยชน์ของการฟังธรรมให้เข้าใจ แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอดเวลา ทราบจากท่านอาจารย์ว่า พยายามทำก็ไม่เป็นปกติแล้ว เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นแล้วจึงรู้ว่าเป็นอย่างนั้น เป็นปกติ คือ รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงในขณะนั้น แม้พยายามก็เกิดแล้ว เป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคลที่พยายาม แต่พยายามมีเหตุจากการเข้าใจผิด คิดว่าทำได้ ลืมไปว่า ธรรมทุกอย่างเป็นอนัตตา
เมื่อโกรธจนแสดงความโกรธออกมาทางกาย ทางวาจา เป็นกิริยาที่ไม่งาม คิดว่าต่อไปจะพยายามไม่โกรธอย่างนี้อีก ไม่เข้าใจว่า เพราะโกรธเกิดแล้วจึงมีอาการอย่างนั้น ไม่รู้ลักษณะของโกรธที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง ยังไม่เป็นปกติตามที่ทรงแสดง มาเวียดนามคราวนี้ทำให้รู้ว่า ยังไม่เข้าใจคำว่า "เป็นปกติตามความเป็นจริง"
ขอนอบน้อมต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ขอเชิญติดตามตอนที่แล้วทั้งหมดได้ที่นี่...
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง Nha Trang เวียดนาม 1
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 2
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 3
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 4
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 5
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 6