สวัสดีครับ น้องใหม่ขอแนะนำตัวต่อเพื่อนสมาชิกครับ

๑. แนะนำให้ฟังรายการ แนวทางเจริญวิปัสสนา บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

๒. ไม่คลุกคลีกับหมู่คณะ เป็นอุปนิสัยที่เคยสั่งสมมา ดีแล้วค่ะ พระพุทธเจ้าไม่ สรรเสริญการคลุกคลี

๓. ดื่มสุรา ผิดศีลข้อ ๕ ดีแล้วที่ไม่ดื่ม ควรคบหากับพระธรรมประเสริฐที่สุด มีธรรมะ เป็นที่พึ่ง ดีกว่าคบเพื่อนไม่มีศีลค่ะ

๑. ขอแนะนำแนวทางที่ถูกต้องคือ การศึกษาโดยละเอียดจาก พระไตรปิฎกโดยตรง และไม่สอดแทรกความเห็นส่วนตัวผิดๆ ที่จะทำให้พระสัทธรรมคลาดเคลื่อนไปจากความจริงครับ

๒. เป็นผู้ที่ศึกษาแนวทางอบรมเจริญธรรมะที่ถูกต้องจากพระไตรปิฏกครับ เพราะพระไตรปิฎกทั้งหมด ได้รับการสังคายนามาจากพระอรหันตสาวกผู้มีปัญญามาก เป็นพหูสูต ท่านทรงจำคำสอนจาก พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โดยตลอด แม้พระสาวกแต่ละรูป จะมีอัธยาศัยที่สะสมมาต่างๆ กัน เช่น พระมหากัสสปะ ท่านเป็นเลิศในทางธุดงคุณ แต่ก็เคารพยำเกรงใน พระพุทธเจ้า เพราะทรงเป็นถึงพระศาสดาสูงสุดของท่าน หรือท่านพระนาลกเถระ ท่านประพฤติโมเนยยปฏิบัติ ซึ่งก็ได้ฟังมาจากพระพุทธเจ้า ท่านไม่คลุกคลี มีความเพียรที่จะไม่สุงสิงจริงๆ ปฏิบัติจนเป็นพระอรหันต์ ก่อนปรินิพพาน ท่านก็แสดงความเคารพบูชาสูงสุดในพระพุทธเจ้าครับ

๓. ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็จะมั่นคงมากขึ้นว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คิดมีจริง สิ่งที่จิตคิด (เรียกว่าอารมณ์ของจิต) ก็มีจริง ใครก็ห้ามไม่ให้คิดไม่ได้ แม้แต่วินาทีต่อไป นาทีต่อไป ชั่วโมงต่อไป จิตจะคิดอะไร เราเองก็คาดเดาไม่ได้ เพราะจิตไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แต่จิตมีจริง ซึ่งสิ่งที่มีจริงในภาษาบาลีใช้คำว่า "ธรรมะ" ธรรมะใด ก็จะปฏิบัติกิจของธรรมะนั้น ฟังแล้วพิจารณาไป จนกว่าจะเกิดความเห็นถูกจริงๆ ในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมครับ

๔. มีพระพุทธพจน์หนึ่งกล่าวไว้ว่า " มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นคนโง่ " เพราะต่อให้ผู้ที่เป็นบัณฑิต โกรธเรามากเท่าไร เขาย่อมไม่กระทำสิ่งที่จะเบียดเบียน จนนำมาซึ่งภัยถึงชีวิตแก่เราได้ ถ้าเขาเตือนเราไม่ได้ เขาย่อมวางเฉยและตามรักษาจิตของเขาเอง แต่ว่าคนโง่ (หรือคนพาล) นั้น ย่อมกระทำสิ่งที่ผิดได้โดยไม่ละอาย ไม่กลัวบาป สามารถชักนำเราไปในทางเสื่อม โดยหลงผิดว่าสิ่งนั้นถูก เช่น เรื่องในพระไตรปิฎกเรื่องหนึ่ง เจ้าของสวนจะไปธุระ เขาจึงวานให้เด็กคนหนึ่งดูแลสวน เด็กคนนั้น คิดหวังดีอยากช่วย แต่ตนป็นคนเขลา จึงถอนรากต้นไม้ขึ้นมาดู แล้วจึงเลือกรดน้ำ ตามความยาวของรากต้นไม้แต่ละต้น ต้นไหนรากยาวมาก ก็รดต้นนั้นมาก ฯลฯ กลายเป็นว่าทำสวนของเจ้าของพังไป นี่เป็นตัวอย่างของโทษและความวอดวายที่ได้รับจากการคบผู้ไม่รู้ในสิ่งที่ไม่ควรกระทำครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณ Bemindful ที่ได้เข้ามาสนทนาธรรมในเว็บไซด์แห่งนี้ หากมีโอกาสและเวลา ขอให้ท่านลองรับฟังธรรมะจากไฟล์เสียงที่ทางเว็บไซด์จัดให้ดูนะครับ ขอให้เจริญในธรรม

เข้ามาสนทนาธรรมกันบ่อยๆ นะค่ะ ขออนุโมทนาคนหนุ่มที่สนใจธรรม

ขอแนะนำให้ลองคลิกอ่าน หัวข้อดังต่อไปนี้ดูก่อนนะครับ ขออนุโมทนาที่สนใจธรรมครับ

เริ่มศึกษาธรรมะ ควรทำอย่างไร

นั่งสมาธิ...ไม่ค่อยได้

ทำไมวิปัสสนา ไม่ใช่การนั่งสมาธิ-จงกรม สมถภาวนากับวิปัสสนาภาวนา

สวัสดีค่ะคุณBemindful

พี่ก็เป็นบุคคลหนึ่ง ที่กำลังศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องนี้ จึงอยากจะขอแนะนำ คือหาโอกาสเดินทางมาฟังและสนทนาธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และวิทยากรท่านอื่นๆ ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยโทรมาถามทางได้ที่ 02- 468 0239 จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำค่ะ และคุณสามารถขอรับหนังสือหรือซื้อเทป ซีดี MP3 ที่ดี มีคุณค่าในการศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องได้ที่นี่ หรือจะขอคำแนะนำต่างๆ สำหรับขั้นพื้นฐานในการศึกษาพระธรรม จากเจ้าหน้าที่ ที่คอยช่วยเหลืออยู่ ณ ที่นั้น เพราะรับรองว่า เมื่อคุณได้ศึกษาในแนวนี้แล้ว คุณจะรู้จักตัวเอง และกิเลสของคุณมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าไม่มีโอกาสมาที่มูลนิธิฯ ก็ฟังจากรายการเผยแพร่พระธรรมทางสถานีวิทยุฯ หรือสนทนาธรรมในเว็บไซด์แห่งนี้ได้ค่ะ

จากประสบการณ์ที่พี่ได้เริ่มเข้าใจ มาจากการที่ได้ฟัง และอ่านหนังสือ ขั้นพื้นฐานฯ ของมูลนิธิฯ และมีกัลยาณมิตรที่ดี คอยให้กำลังใจพร้อมช่วยเหลือแนะนำต่างๆ จึงทำให้พี่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องนี้ค่ะ และที่สำคัญคืออย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเอง หรือโต้แย้ง เพราะแนวทางของที่มูลนิธิฯ จะไม่เหมือนที่อื่นที่คุณเคยผ่านมา แต่ขอให้เปิดใจรับฟัง และอ่านมากๆ จนเกิดความเห็นถูกนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยนะคะ

ตามคำถามที่ ๒ แนวทางการศึกษาธัมมะกับท่านอาจารย์สุจินต์ฯ ตรงกับทุกนิสัยคะ

ตามคำถามข้อ๓ ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ อกหักทำอย่างไรดี

ชาติก่อนทำบาปอะไร จึงอกหักซ้ำซากอกหัก กินข้าวไม่ลง

ก็เข้ามาที่มูลนิธิฯ สิคะ

มาจอยกัน อบอุ่น

เด็กๆ ก็มี เราก็ ๒๓ นะ

เด็กประถมยังมีเลย

เอิ๊กๆ

ขอตอบตามความคิด และความเข้าใจของตัวเองนะ อาจจะไม่ถูกใจ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอยากตอบ

๑. ทางที่คุณอยากเดินในทางพุทธศาสนา มีสายเดียวและเป็นทางสายเอก เอกายโน มคฺโค

๒. เอ๊ะ ก็บอกแล้วไงว่า มีสายเดียวๆ ไม่ใช่รถเมล์นะ จะได้มีหลายสายผ่านจุดหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้น ฟังพระธรรมจากผู้ที่แสดงธรรมที่ถูกต้อง ตรงตามพระไตรปิฏก และคุณเองก็ต้องเป็นผู้ที่ตรง และมีเหตุผลด้วย อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง อย่าเลือกฟังแต่สิ่งที่ถูกใจ แต่ไม่ถูกต้องและก็ไม่ใช่เลือกให้เข้ากับอุปนิสัยของตัวเอง

๓. ของพรรค์นี้ ถ้าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ ทำไงๆ ก็ไม่ใช่ แต่คุณก็เป็นคนแปลกนะ แฟนไม่ให้เกียรติคุณ ทำไม่ดีกับคุณ คุณก็ยังคร่ำครวญถึงอยู่ได้ อย่างนี้ก็ต้องพิจารณาข้อธรรม "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม" ฮ่ะ

๔. การไม่ดื่มเหล้า ไม่มั่วสุมในอบายมุข ก็ดีอยู่แล้วไง เพื่อนที่ชวนไปมั่วสุมอย่างนั้น คุณยังเรียกว่า "เพื่อน" หรือ? แล้วก็อย่าให้ใครก็ตาม มาล้างสมองคุณง่ายๆ เลือกฟังสิ่งที่ถูกต้อง และตั้งจิตให้ตรงหน่อย

เฮ้อ ไม่เคยตอบอะไรยาวๆ อย่างนี้เลย แรงไปป่าวเนี่ย เหนื่อยใจจัง !

ผมสนใจพระธรรมตั้งแต่อายุ ๑๘ แสวงหามาเรื่อยๆ ฟังและศรัทธาสำนักต่างๆ ก็มาก แต่วันหนึ่ง ได้ปรับวิทยุ AM ได้ฟังเสียงบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ โดยท่านได้บรรยายอภิธรรมในเรื่องแนวทางการเจริญวิปัสสนา ..ในตอนนั้นอายุ ๒๑ ครับ

ฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่เห็นว่า ท่านอาจารย์จะกล่าวถึง แนวทางการเจริญวิปัสสนาว่า ขั้นที่ ๑ ต้องนั่งท่านั่นท่านี้ ขั้นที่ ๒ ต้องเดินจงกรมอย่างนั้น อย่างนี้ ทำไมไม่เหมือนกับสำนักอื่น แต่ก็ฟังเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจสักอย่าง สาเหตุหนึ่งก็เพราะคำศัพท์ ภาษาบาลี แต่ค่อยๆ ฟังครับ เพราะศัพท์ภาษาบาลีเอง ก็มีใช้อยู่ในภาษาไทยอยู่แล้ว แต่ความหมายแตกต่างกัน จนกระทั้งวันนี้ อายุ ๒๖ ครับ ได้สะสมความเข้าใจขั้นฟังมาแล้ว แต่ก็ต้องสะสมต่อไปอีก ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่า การเจริญวิปัสสนานั้น ไม่ต้องไปสู่สำนักปฏิบัติครับ ไม่มีวิธีลงมือปฏิบัติ และก็บังคับให้เกิดไม่ได้ แต่ต้องเกิดจาการสะสมความเข้าใจ ความเห็นถูก จนเป็นสภาพปรุงแต่งให้สติปัฎฐานเกิด นั้นคือ การเจริญวิปัสสสนาครับ

ไม่ดื่มเหล้า ไม่ได้หมายความว่า เราจะเป็นคนไม่มีสังคมนะครับ เพราะเราเลือกคบมิตรได้ ถ้าไม่ดื่มแล้วเพื่อนจะเลิกคบ ก็พิจารณาเองนะครับว่า เพื่อนเหล่านี้ ใจกว้างหรือใจแคบ

"ไม่ดื่มเหล้าไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนไม่มีสังคมนะครับ เพราะเราเลือกคบมิตรได้ถ้าไม่ดื่มแล้วเพื่อนจะเลิกคบ ก็พิจารณาเองนะครับว่าเพื่อนเหล่านี้ใจกว้างหรือใจแคบ"

เห็นด้วยกับคุณ worrawat นะคะ

กระทำในสิ่งที่ควรที่ถูกต้อง เป็นผู้ตรงต่อพระธรรม ยังไงๆ ก็ต้องดีอยู่แล้ว

ติดใจคำว่า "ล้างสมอง" โดยส่วนตัวชอบฟังบรรยายของท่านอ. สุจินต์ บางครั้งก็พยายามชักชวนเพื่อนให้ฟังด้วย เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์มาก และเราก็เป็นคนที่นับถือพุทธศาสนาด้วยกัน ก็ควรจะศึกษาพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่เขาฟังแล้ว เกิดความสงสัยหลายเรื่องในพระสูตร สงสัยเรื่องนรกสวรรค์ว่า มีจริงหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น สงสัยเรื่องพระโสดาบัน. พระอรหันต์ เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมคนที่ทำไม่ดีถึงได้เป็นพระโสดาบัน ได้เป็นพระอรหันต์ เขาก็บอกว่า ฟังแล้วมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม เราก็บอกให้เขาไปถาม อาจารย์สุจินต์ ที่มูลนิธิฯ เลย เพราะว่าท่านคงให้คำตอบได้ตรง และดีกว่า จากที่เขาพูดเหมือนกับว่า พุทธศาสนาก็เป็นความเชื่อหนึ่งเหมือนศาสนาอื่น ที่มีพระเจ้า มีพระคัมภีร์ และเขาก็พูดเหมือนกับว่า ถ้าเราฟังมากๆ ก็เหมือนจะถูกล้างสมอง ถ้าเราไปชวนไปพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ก็เหมือนกับชวนเขาเข้าลัทธิ ซึ่งก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นค่ะ

ผมเองก็เพิ่งเริ่มศึกษามาได้ปีกว่า อยากแนะนำสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ามาศึกษาเช่นกัน ตอนแรกก็ไม่รู้อะไรเลย แต่อัธยาศัยที่ชอบในพระสูตร เลยพอที่จะอยากสนใจในพระอภิธรรม และแนวทางวิปัสสนาบ้าง

ขอให้เข้ามาร่วมสนทนาใน web นี้บ่อยๆ ค่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ ตามแต่โอกาสที่มี ความเข้าใจก็จะค่อยๆ ซึมซับไปเองครับ และก็ขอหนังสือ, cd, MP3 จากทางมูลนิธิฯ ไปอ่าน และฟังดูนะครับ จะเข้าใจมากขึ้น และหากมีเวลาอยู่บ้างก็ลองเปิดพระไตรปิฏกอ่านดูนะครับ หากไม่เข้าใจตรงใหน ก็ถามท่านผู้รู้ธรรม และเจ้าหน้าที่ที่นี่ได้ ทุกคนยินดีให้ธรรมทาน และการที่ผมเริ่มเข้าใจ ก็มาจากทุกท่านที่ให้การเกื้อหนุนในธรรมทานครับ และอย่าท้อถอย อย่าให้กิเลสต่างๆ มาขัดขวางเราได้ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจของเราครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ขออนุโมทนาครับ