(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 15 งานสังสรรค์

 
kanchana.c
วันที่  9 พ.ย. 2557
หมายเลข  25753
อ่าน  2,836

งานสังสรรค์

เป็นธรรมเนียมของการเดินทางในคืนสุดท้าย (หรือเกือบสุดท้าย) ผู้จัดทัวร์จะจัดงานสังสรรค์ ระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่อาจไม่ค่อยได้พบกัน เพราะบางกลุ่มไปไม่ครบ 4 แห่ง บางกลุ่มครบ เพื่อ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางและการเจริญกุศล ที่ผ่านมามีการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อ พิเศษ และมีการแสดงศิลปะแบบอินเดีย แต่ครั้งนี้ ผศ. อรรณพ หอมจันทร์ วิทยากรของมูลนิธิ เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่านอาจารย์สุจินต์ให้สมญานามอาจารย์อรรณพว่า “อัศจรรย์อรรณพ” เนื่องจากท่านเป็นผู้มีศิลปะหลายด้าน เล่นดนตรีไทย แต่งกลอน ร้องเพลงพื้นบ้านต่างๆ ฯลล ที่สำคัญท่านยังเป็นคนดีและศึกษาพระธรรมตามสโลแกนของมูลนิธิ จนเป็นวิทยากรด้วย ซึ่ง หาได้ยากมาก

เท่าที่จำได้อาจารย์อรรณพและทีมงาน มีอาจารย์คำปั่น น้องป๊อป พรชัย เสรีเจริญศักดิ์ หลานพีท ธนากร นรวชิรโยธิน เป็นต้น แสดงภาพกิจกรรมของกลุ่มต่างๆ ระหว่างเดินทางด้วย สไลด์มัลติวิชั่น และแต่งกลอนลำนำ พระเชตวันยามฝนพร่ำ โดยให้คุณจริยา เจียมวิจิตร เป็นผู้ขับเสภาด้วยเสียงไพเราะ

พระเชตวันยามฝนพร่ำ

พระเชตวัน วันนี้ มีฝนฉ่ำ

ตกพรำพรำ ทั่วพื้น พระวิหาร"

น้อมนึกไป เมื่อสมัย พุทธกาล

ต้องมีวัน เช่นนี้ แสนดีใจ

ประทีปทอง ส่องแสง แข่งสายฝน

ใจทุกคน คงมั่น ไม่หวั่นไหว

น้อมบูชา พระรัตนตรัย

ผ่องอำไพ เพราะศรัทธา ทั่วกมล

พระคันธ กุฎี ที่ประทับ

งามระยับ ยิ่งสว่าง อยู่กลางฝน

ได้เป็นที่ ระลึกถึง พระทศพล

มหาชน ชาวพุทธ สุดเปรมปรีด์

ข้าพเจ้า เหล่าพุท - ธบริษัท

กราบรอยบาท พระศาสดา ณ ที่นี้

ถึงสรณะ เรียนธรรมะ ประพฤติดี

ดับกิเลส ที่มี จนหมดไป

กลอนลำนำ เพราะไม่รู้และเพราะรู้

เพราะไม่รู้ จึงอยู่มา ในหล้าโลก

เพราะไม่รู้ จึงเศร้าโศก ในสงสาร

เพราะไม่รู้ จึงเป็นเรา เขลามานาน

เพราะไม่รู้ จึงคบพาล เผาผลาญตน

เพราะรู้คุณ ของพระธรรม จึงร่ำเรียน

เพราะรู้ธรรม จึงพร่ำเพียร เพิ่มกุศล

เพราะรู้ชัด จึงไม่ใช่ สัตว์บุคคล

เพราะรู้ละ ตัวตน จึงพ้นภัย

ต่อจากนั้นได้เชิญตัวแทนจากรถบัสต่างๆ มาเล่าความประทับใจในรถ คราวนี้เลือกตัวแทนที่ เด็กที่สุดหรือเพิ่งเดินทางมาเป็นครั้งแรก ทำให้รู้จักน้องๆ หลานๆ อีกหลายคนที่ล้วนเป็นคน พิเศษและมากความสามารถ เช่น น้องปุ๊ย ศรีพิชา ชาตะศิริกุล เป็นตัวแทนบัส 4 พูดได้ประทับ ใจป้าแดงมาก คือ เมื่อได้ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์แล้วรู้ว่า ชีวิตที่เหลือจะทำอะไร คือ ทำดี และศึกษาพระธรรม อนุโมทนาหลานปุ๊ยมากๆ ค่ะ บัสอื่นๆ ก็ไม่ใช่ย่อย แต่ละท่านแม้อายุยัง น้อย แต่ก็มีศรัทธาในการศึกษาพระธรรม อย่างหลานชายคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ให้ออกนาม เล่า ประสบการณ์ที่มีแข็งกระทบสัมผัสกายปสาท ทำให้ภวังคจิตเกิดดับสืบต่อ ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปนาน (พูดแบบปรมัตถธรรม) ถ้าพูดแบบสมมติบัญญัติก็คือ พายุพัด ต้นไม้ข้างทางล้มขวางถนน มีกิ่งหนึ่งฟาดศีรษะหลานชายแรงไปหน่อยจนถึงกับสลบ หลานเล่า อย่างคนมองโลกในแง่ดี ไม่โวยวายคร่ำครวญ พูดแต่ว่า “ก็ดีครับ” คงเข้าใจแล้วว่า เป็นเพียง ธรรมะอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปแล้ว ที่มาเล่าก็เพียงแต่คิดนึกถึงเรื่อง ราวที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ป้าแดงฟังแล้วยังหวาดเสียว (โทสมูลจิต) ว่า ถ้าหลานไม่ฟื้น (วิถีจิต ไม่เกิดรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) จะเป็นอย่างไร ตามกิเลสที่สะสมมามากกว่า

ส่วนหลานชายอีกคน เห็นหน้ากันบ่อยๆ ที่สะดุดตาเพราะเป็นเด็กหน้าตาดีพอๆ กับหลานนัท ปัณณวีร์ หอวณิชวิทย์ (หลานชายคุณนวลใจ จากบัส 4 ต้องเชียร์พวกเดียวกันหน่อย) ถ้าจำไม่ ผิด อาจารย์อรรณพแนะนำว่า ชื่อ โอ ปวีร์ คชภักดี นักร้องดังของค่ายแกรมมี่ (ขอโทษด้วยค่ะ ป้าแดงรู้จักแต่นักร้องรุ่นก่อน พ.ศ. 2540 หลังจากนั้นแล้วไม่ค่อยเคยได้ยิน) เธอมาร้องเพลง ธรรมะ “เพราะไม่รู้” ที่แต่งเนื้อร้องโดยคุณสายฝน ปานุราช ผู้ศึกษาธรรมะมานาน เมื่อเข้าใจ แล้วก็นำความเข้าใจมาร้อยเรียงเป็นบทเพลงให้สามี คือ น.ท. จรัล ปานุราช ขับร้องด้วยเสียง ที่ไพเราะ เสียดายที่บัดนี้ท่านไม่สามารถใช้เสียงไพเราะนั้นอีกแล้ว เพราะเป็นโรคกล้ามเนื้อ อ่อนแรง (ALS) กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่เชียงใหม่ ขอเอาใจช่วยค่ะ และขออนุญาตนำเนื้อเพลง ธรรมะที่คุณฝนแต่งมาเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ในการระลึกถึงพระธรรม (คงยังไม่มีลิขสิทธิ์)

แว่วเสียงธรรม

แว่วเสียงแห่งธรรม ที่ท่านกล่าวมา เป็นอารมณ์

เกิดความรื่นรมย์ สั่งสมอยู่ ในใจตน

หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน

สู่กลางแผ่นดินในฐานถิ่นคนเหมือนดังหยาดฝนฉ่ำใจ

พระธรรมช่วยคลาย ความเห็นผิดมี มาเดิม

ไตร่ตรองไม่เผิน ความทุกข์ที่มี คลายไป

หล่อเลี้ยงจิตใจ ฉ่ำชื่นหทัย

ผู้เคยหลับใหล พลันฟื้นตื่นใจ งดงามสดใส จริงเอย

พอแสงทองอาทิตย์ทาบทา

มาสนทนาธรรมะเถิดเอย

ฟังพระธรรมทุกครั้งอย่างเคย

ไม่ควรลืมเลย ละเลย ลอยวน

แว่วเสียงแห่งธรรมที่ท่านกล่าวมาเป็นอารมณ์

ฝากมากับลมเหมือนฝนพร่างพรมใจคน

กุศลเกิดมาพาชื่นกมล

จิตที่สั่งสม ธรรมะแยบยล น้อมนำส่งผลต่อไป

และอีกเพลงหนึ่งที่คุณฝนได้รวบรวมความเข้าใจทำให้รู้ว่า เพราะไม่รู้จึงยังเรา ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นเพลง “เพราะไม่รู้” ที่หลานโอร้องด้วยเสียงไพเราะอย่างยิ่ง

เพราะไม่รู้

เกิดแล้ว เป็นเรา เรื่องราวแต่งจิต

ปลูกความนึกคิด ให้ชีวิตเป็นเหมือนเงา

มีความสุขตรึงซึ้งใจแพรวพราว

และต้องปวดร้าว เรื่องทุกข์ราวดุจน้ำริน

ไม่รู้จึงมีทิฏฐิที่ผิด ปิดบังมืดมิด

หลอกลวงลึกจนเฉยชิน

คำชมคำหวานทุกวันได้ยิน

เยื่อใยถวิล ไม่สิ้นโลภะ ผูกพัน

ลืมหลงว่าเรา เป็นเรื่องยาวฟุ้ง

กิเลสคละคลุ้ง ยุ่งดวงชีวัน

โลภะเย้ายวน ชวนให้ใฝ่ฝัน

ชุ่มชื่นใจพลัน ล้นเหลือคณา

ไม่รู้เป็นราวดวงดาวมืดพราง

ล่องลอยเคว้งคว้าง อยู่กลางเหวอวิชชา

ยังมีความหวังฝังในวิญญา

จึงต้องเกิดมา ก็เพราะมีความไม่รู้

ยึดถือเราดี เป็นที่เฟื่องฟุ้ง

ดุจดังสายรุ้ง รุ่งดวงตะวัน

ธรรมะ นั้นลวง ลวงให้ใจนั้น

ฟุ้งซ่านผูกพัน นักเหลือพรรณนา

แม้เวลาจะผ่านไปจนดึก และอากาศในห้องประชุมของโรงแรมรามาดาที่จัดงานนั้นหนาว เย็นเพราะปรับแอร์ไม่ได้ จึงต้องนั่งคลุมโปงกับคุณอรวรรณ แต่เมื่อได้ฟังเสียงร้องเพลงของ หลานโอ พร้อมกับนึกตามเนื้อเพลงไปด้วย ก็หายง่วงและอบอุ่นใจว่า ถึงแม้จะไม่รู้มากมาย อย่างไร แต่ก็ยังมีพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบไว้เป็นมรดกที่ล้ำค่า และมี กัลยาณมิตร คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่ได้ศึกษาเข้าใจแล้ว นำมรดกนั้นมาส่งต่อ ให้พวกเราได้ศึกษาและพิจารณาให้เข้าใจต่อไป

... อ่านตอนต่อไป ...

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 16

... อ่านย้อนหลัง ...

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 14

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 13

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 12

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 11

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 10

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 9

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 8

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 7

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 6

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 5

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 4

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 3

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 2

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 1


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
papon
วันที่ 9 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wirat.k
วันที่ 10 พ.ย. 2557

"ถึงแม้จะไม่รู้มากมายอย่างไร แต่ก็ยังมีพระธรรม

ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบไว้เป็นมรดกที่ล้ำค่า

และมีกัลยาณมิตร คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่ได้ศึกษาเข้าใจแล้ว นำมรดกนั้นมาส่งต่อให้พวกเรา

ได้ศึกษาและพิจารณาให้เข้าใจต่อไป"

แม้ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยแต่ก็ยังได้มีโอกาสได้เห็นภาพ

ได้อ่านสรุปเนื้อความหัวข้อธรรมะ และข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่างๆ

และที่สำคัญเป็นการถ่ายทอดจากท่านผู้มีความตรง และจริงใจ

ที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นปกติ เป็นธรรมดาจริงๆ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลทุกประการครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 10 พ.ย. 2557

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
siraya
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Boonyavee
วันที่ 10 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองคนั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
napachant
วันที่ 11 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pulit
วันที่ 13 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ