มองมุมมุ่งธรรม ๐๔ - ทรงแสดงพระธรรมเพราะอะไร

 
สารธรรม
วันที่  26 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6686
อ่าน  1,823

มองมุมมุ่งธรรม ๐๔

ทรงแสดงพระธรรม

ก่อนจะฟังเรื่องปรมัตถธรรมต่อไป ต้องเข้าใจตามลำดับว่า เห็นมีจริงหรือเปล่า ถ้ามีจริง ก็เป็นปรมัตถธรรม คือค่อยๆ พิจารณาไปทีละทาง จึงจะเข้าใจปรมัตถธรรม ว่า แม้ไม่เรียกอะไรเลย สภาพธรรมที่มีจริงๆ นั้นก็เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จึงเป็นปรมัตถธรรม นี่คือมุมมองที่จะเข้าใจจริงๆ ว่า ธรรมเป็นอย่างนี้


ถ้ากระทบที่ตัวทุกคนก็แข็ง แข็งเป็นธรรมที่มีจริงๆ แข็งจริงๆ รู้ได้ สภาพแข็งนั้นเป็นปรมัตถธรรม เพราะเหตุว่าใครจะเปลี่ยนแข็งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจว่าเป็นปรมัตถธรรมแล้ว ก็ไม่มีเรา ไม่มีตัวตน ได้ยินขณะนี้ก็เกิดเพราะเหตุปัจจัย คือมีเสียงกระทบกับโสตปสาท โสตปสาทไม่มีหรือเสียงไม่มี การได้ยินก็เกิดไม่ได้ ชีวิตดำเนินไปทีละขณะ เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ชั่วขณะเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งสั้นมากและเป็นปรมัตถธรรมทั้งสิ้น แต่อวิชชาปิดปังไม่ให้เห็นความเป็นปรมัตถธรรมของธรรม เพราะเหตุว่าไม่เคยมีใครหยุดระลึก ตรึก คิด ในเรื่องการได้ยินขณะนี้ ว่า ไม่มีใครสร้าง เราสร้างไม่ได้ เราทำได้ยินไม่ได้ แล้วจะยึดถือว่าได้ยินเป็นของเราได้อย่างไร เพียงได้ยินเกิดขึ้นก็หมดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงสั้นๆ แล้วก็หมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเกิดดับสืบต่อกันรวดเร็วจนกระทั่งการดับไปหมดไปไม่ปรากฏ จึงไม่รู้ความจริงว่าเป็นปรมัตถธรรมซึ่งมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ยั่งยืน จึงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น


เพราะฉะนั้น การรู้แจ้งธรรม ก็คือ การรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราหรือของใคร นี่คือ จุดเริ่มต้นที่จะมองธรรมให้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง หลายท่านไม่เห็นประโยชน์ว่าทำไมต้องฟังพระธรรมขั้นปรมัตถธรรม ชีวิตวันๆ ก็แสนสบายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลาฟังคำบาลีและอ่านตำรามากมาย แต่ถ้าไม่ฟังพระธรรมจะไม่รู้เลยว่าพระผู้มีพระภาคฯ ทรงเป็นพระอรหันต์ด้วยอะไร แม้แต่เวลาที่สวดมนต์เมื่อครู่ สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงแสดงแล้ว ได้ทรงแสดงให้ใครฟัง ถ้าไม่มีคนฟังก็ไม่มีประโยชน์


แต่การที่จะรู้จักพระผู้มีพระภาคฯ ได้ทุกยุคทุกสมัยแม้เมื่อครั้งที่พระองค์ยังไม่ทรงดับขันธปรินิพพาน ก็มีทางเดียว คือ ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดง จึงสามารถรู้ได้ว่าบุคคลนี้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะทรงแสดงสิ่งซึ่งผู้อื่นไม่สามารถแสดงได้ ไม่สามารถตรึก นึก คิด ไตร่ตรอง ประมวลเองได้เลยสักคนเดียว ไม่มีใครเลยที่จะเป็นพระพุทธเจ้านอกจากผู้ที่ได้อบรมเจริญบารมีมาสมบูรณ์ พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน ๒๕๐๐ กว่าปีก็มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสมณโคดมพระองค์นี้ และถอยกลับไปก่อนนั้น ก็มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและในกาลข้างหน้าก็จะมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า


เพราะฉะนั้น ชาวพุทธควรที่จะได้คิดไตร่ตรอง ว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วนั้น ทรงแสดงว่าอย่างไร ซึ่งพระธรรมนี้ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงเห็นประโยชน์ก็จะไม่ทรงแสดง แต่เนื่องจากทรงเห็นประโยชน์ว่ามีผู้อบรมเจริญบารมีมาแล้ว สามารถที่จะฟัง พิจารณาและอบรมเจริญปัญญา จึงทรงแสดง

ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...

๐๑ - ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด

๐๒ - สติมีหลายระดับ

๐๓ - ทุกขณะในชีวิตเป็นธรรม

๐๔ - ทรงแสดงพระธรรมเพราะอะไร

๐๕ - รู้จักพระพุทธเจ้าหรือยัง

๐๖ - สังฆทานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

๐๗ - บุญกิริยาวัตถุเป็นอย่างไร

๐๘ - ภาวนุปนิสัยเป็นกุศลที่ควรเริ่มสะสม

๐๙ - สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา

๑๐ - ทิฏฐชุกรรม คืออย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pamali
วันที่ 3 ส.ค. 2553

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 11 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ