มองมุมมุ่งธรรม ๐๙ - สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
มองมุมมุ่งธรรม ๐๙
สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
การอบรมจิตใจมี ๒ อย่าง คือ สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา สมถภาวนา ระงับอกุศลเพียงชั่วขณะ ขณะใดที่สติเกิดระลึกได้ เห็นโทษของอกุศล อกุศลนั้นก็ระงับไป แล้วกุศล เช่น เมตตาพรหมวิหาร ก็เริ่มเจริญขึ้น พรหมวิหาร คือธรรมเครื่องอยู่ของพรหมซึ่งเป็นผู้ประเสริฐ มี ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมตตา เป็นสภาพธรรมที่ตรงข้ามกับโทสะ ขณะที่ขุ่นเคืองใจ ถ้าสติและปัญญาเกิดจะเห็นโทษของความโกรธแล้วจะเกิดเมตตาบุคคลที่ท่านกำลังขุ่นเคืองใจ นี่เป็นหนทางที่จะระงับจิตใจให้สงบขึ้น เพราะถ้าวันหนึ่งๆ เต็มไปด้วย โลภ โกรธ หลง ก็ไม่สงบเลยทั้งวัน เพราะฉะนั้น ขณะใดที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ก็สงบขึ้น นี่คือสมถภาวนาในชีวิตประจำวัน
ส่วนภาวนาอีกระดับหนึ่ง คือ วิปัสสนาภาวนา นั้น ทำให้ปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส เปลี่ยนสภาพเป็นพระอริยบุคคล คือผู้สามารถดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท วิปัสสนาภาวนา จึงเป็นกุศลที่ละเอียดกว่ากุศลขั้นทาน ศีล และสมถภาวนา ฉะนั้น บุญกิริยาวัตถุในส่วนของภาวนาจึงมี ๓ คือ
๑. การฟังพระธรรม
๒. การแสดงธรรม
๓. การอบรมเจริญภาวนา ซึ่งได้แก่ สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา
การแสดงธรรมก็เป็นกุศล เมื่อมีโอกาสที่จะเกื้อกูลญาติมิตรด้วยพระธรรมสั้นๆ ข้อหนึ่งข้อใด เมื่อถึงกาลที่สมควรที่เป็นประโยชน์กับเขา ขณะนั้นเป็นการแสดงธรรม คือแสดงสิ่งที่ถูกที่ควรซึ่งจะอุปการะผู้นั้นให้มีการระลึกได้
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
๐๖ - สังฆทานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
๐๗ - บุญกิริยาวัตถุเป็นอย่างไร