มารอยู่ที่ไหน?

 
สามารถ
วันที่  15 เม.ย. 2555
หมายเลข  20968
อ่าน  1,691

อยากศึกษาพระสูตรที่มีผู้ถามพระพุทธองค์ว่า "มารอยู่ที่ไหน?" ครับ และพระพุทธองค์ทรงแสดงว่า คืออายตนะนี้เองที่เป็นมารครับ

ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ในส่วนไหนของพระไตรปิฎกครับ

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อายตนะ หมายถึง สภาพธรรมหลายอย่างที่ประชุมเกิดขึ้น เช่น จักษุ (ตา) รูป จักขุวิญญาณ เป็นต้น ซึ่งจากที่ผู้ถาม ได้ถามว่า ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ที่เรียกว่า มาร ที่เป็น อายตนะ มี จักษุ รูป จักษุวิญญาณ เป็นต้น อยู่ในสูตรไหน

อยู่ในสูตรที่ชื่อว่า ปฐมสมิทธิสูตร ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

ปฐมสมิทธิสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๔

ซึ่งจะขออธิบายเรื่อง มาร เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นครับ มาร ความหมายว่า ทำให้ตาย ขัดขวางไม่ให้ความดีเจริญ ข้าศึกทั้งปวง

ซึ่งมาร มี ๕ อย่าง ดังนี้ครับ

กิเลสมาร คือ กิเลสต่างๆ มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น

ขันธมาร คือ ขันธ์ ๕ มี รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

อภิสังขารมาร คือ เจตนาเจตสิก อันได้แก่ กุศลกรรมและอกุศลกรรมอันเป็นไปในวัฏฏะ

มัจจุมาร คือ ความตาย

เทวบุตรมาร คือ เทวดาผู้ขัดขวางความดี

ขออธิบาย อายตนะที่เป็นมาร ตามที่ผู้ถามได้ถาม ดังนี้ครับ

ซึ่ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สี เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส ธรรม เป็น มาร เพราะนำไปสู่ความตาย เพราะ ว่าเมื่อมีสภาพธรรมเหล่านี้ ย่อมมีการเกิดขึ้น มีการเกิดขึ้นของจิต เช่น เกิดจิตเห็น เมื่อมีการเกิดขึ้นของจิตเห็น จิตเห็นนั้นก็ต้องดับไป ตายแล้วโดยขณะนั้นที่ดับไป เป็นมาร นำไปสู่ ความตายโดยการดับไปของสภาพธรรม เมื่อมี รูป คือ สี เสียง สภาพธรรมที่เป็นรูป ก็ต้องเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องดับไป ก็ตายไปในขณะนั้น ขณะที่ดับไป เพราะฉะนั้น อาศัย ตา อาศัย สี และมีการเกิดขึ้นของ จักขุวิญญาณ คือ การเห็น อันเป็นการประชุมกันของสภาพธรรม ที่เรียว่า อายตนะ จึงบัญญัติเรียกว่า เป็นมาร เพราะ นำมาซึ่งความตาย คือ เกิดขึ้นและดับไป ตายในขณะนั้น ครับ เพราะมาร ไม่ได้หมายถึง ตัวบุคคล เท่านั้น แต่หมายถึง สภาพธรรมที่นำไปสู่การตาย และการตาย ก็มีหลากหลายนัย ที่เรียกว่า ขณิกมรณะ คือ ความตายชั่วขณะที่สภาพธรรมเกิดขึ้นและดับไป ก็ชื่อว่า ความตาย ที่เป็น มาร เช่นกัน ดังนั้น เพราะมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สี เสียง กลิ่น รส ธรรม จึงมีสภาพธรรมเกิดขึ้นและดับไป เป็นมาร นำมาซึ่งความตาย ด้วยประการฉะนี้ ครับ

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องมารได้ดังนี้ครับ เชิญคลิกที่นี่ ครับ

พระสูตร เรื่องมาร ... วันเสาร์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๕

มาร ๕ [ข้าศึกทั้งปวง ... ตอนที่ ๑]

มาร ๕ [กิเลสมาร ... ตอนที่ ๒]

มาร ๕ [ขันธมาร ... ตอนที่ ๓]

มาร ๕ [อภิสังขารมาร ... ตอนที่ ๔]

มาร ๕ [มัจจุมาร ... ตอนที่ ๕]

[เทวบุตรมาร ... ตอนที่ ๖ ... จบ]

อุปธิ

ความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ... [คิดเบียดเบียนผู้อื่น ... ตอน ๑]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพราะมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มี รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรม และ มี จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์เหล่านั้น พร้อมกับธรรมะที่เกิดร่วมด้วย (เจตสิก) อยู่ ณ ที่ใด การบัญญัติว่า มาร ก็มีอยู่ณ ที่นั้น ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ซึ่งเมื่อกล่าวถึง มาร แล้ว ครอบคลุมสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งหมด หรือ จะกล่าวว่า วัฏฏะทั้งสิ้น เป็นมาร ก็ได้ ครับ

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 16 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 16 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

" มาร ไม่ได้อยู่ที่อื่นที่ไกล แต่มีจริงในชีวิตประจำวัน "

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
สามารถ
วันที่ 18 เม.ย. 2555

ขอบพระคุณมากครับ

จากข้อความทำให้ผมระลึกได้ว่า มาร อยู่ที่นี่ ตอนนี้ เลยทีเดียวครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 18 เม.ย. 2555

มาร หมายถึง การขัดขวาง เป็นเครื่องกั้น ไม่ให้คนอื่นทำความดี ถ้าใครทำดี เช่น ให้ทาน แล้วเราไปห้ามเขาไม่ให้ทำ เราก็เป็นมารในขณะนั้น ทำลายประโยชน์ ทั้งผู้ให้ และ ผู้รับ ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ