สนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน 10 สนทนาธรรมวันที่ 5
สนทนาธรรมวันที่ 5
วันอังคารที่ 6 มกราคม 2558
ไม่มีสักวันที่ห้องประชุมจะไม่เต็ม วันนี้ก็เช่นกัน เห็นขาประจำนั่งคอยอยู่แล้วหลายท่าน รวมทั้งพระภิกษุ 2 รูป ที่มีคนเห็นท่านนำอาหารเพลมาฉันที่โรงแรม แล้วนั่งคอยจนถึงบ่าย สี่โมงเพื่อร่วมสนทนาต่อไป และได้เห็นหญิงชราเวียดนาม 2 ท่าน ที่มาฟังตั้งแต่วันแรกและ นั่งคอยเวลาที่ล๊อบบี้โรงแรมเช่นกัน ช่างมุ่งมั่นที่จะได้ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจจริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ
ผู้ฟังกล้าและขยันถามคำถามกันจริงๆ ดูอาจหาญร่าเริงในการฟัง ส่วนเรานั่งแถวหน้า แถวเดียวกับแม่ชี เพราะมีโต๊ะสำหรับวาง Ipad เพื่อบันทึกคำถามคำตอบรายงานให้แฟนคลับ ได้ประโยชน์มากที่สุด แม้ความตั้งใจเป็นกุศลก็จริง แต่ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่สามารถ บังคับให้เป็นอย่างต้องการ ได้แต่นั่งโงกง่วง ท้อถอย หลับๆ ตื่นๆ
เนื่องจากช่างภาพกิตติมศักดิ์ ผู้ไม่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน วันแรกที่ทำหน้าที่จึงนั่งอยู่กับที่ ไม่กล้าเดินหามุมเหมาะๆ จับภาพเฉพาะคนที่เดินผ่านกล้อง หรือซูมจากที่นั่ง เหมือนนักวิจัย จับภาพเสือ โดยผูกกล้องไว้ที่ต้นไม้อย่างไรอย่างนั้นเลย รูปวันแรกๆ เลยออกมาไม่ดี พอติติง ก็เลยขยับออกจากเก้าอี้ที่นั่งปักหลักได้ ท่านบอกว่าเกรงใจคนกำลังฟังธรรม ไม่อยากเดิน ไปมา ต่อมาเมื่อปรับปรุงดีขึ้นแล้ว ก็สนุกในการถ่ายภาพ
ก่อนนอนต้องส่งภาพให้น้องวันชัย ภู่งาม ตากล้องตัวจริง และทีมงานคู่ขวัญใจแห่งปี ที่ เลือกภาพที่ส่งไปทางไลน์เป็น 100ๆ ภาพ ประกอบเรื่องที่ส่งไปทีหลัง ตากล้องจำเป็นจึงต้อง ปลุกให้ลุกขึ้นมาเขียน ส่วนตัวเองนอนต่อสบาย เป็นอย่างนี้ทุกวันค่ะ (ต้องฟ้องแฟนคลับหน่อย)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงไม่ได้รายงานการถามตอบธรรมะมากนัก คิดถึงท่านจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา ถ้าท่านมาด้วย จะบันทึกไว้อย่างละเอียด รายงานไปพร้อมๆ กัน คราวหน้า 10 - 22 พฤษภาคม 2558 ที่ดาลัทและงาช้าง ท่านคงไม่ติดภารกิจเหมือนครั้งนี้นะคะ
เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะถามคำถามอะไร ท่านอาจารย์ก็จะเตือนให้ระลึกถึงคำสอน ที่เป็นหัวใจ ของพระพุทธศาสนา คือ ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ และธรรมะทั้งหลายเป็น อนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งทุกคนมักจะลืมเสมอ เมื่อฟังอีกก็นึก ได้ และเห็นจริงด้วย แล้วก็ลืมอีก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งอย่างนั้นจริงๆ และผู้ที่ไม่ลืมและสามารถเตือนได้บ่อยๆ เนืองๆ คือผู้ที่ประจักษ์แจ้งแล้วนั่นเอง
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่นำความเข้าใจธรรมะของท่านมาแบ่งปันกับผู้สนใจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ไกลแค่ไหน ท่านจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ตาม เรียนท่านว่าท่านอาจารย์ยัง แข็งแรง ท่านบอกว่า มีแรงไว้ทำประโยชน์ค่ะ
ตอนกลางวัน น้องๆ พาไปทานที่ร้านอาหาร Chili Thai เป็นอาหารไทย เธอบอกว่ามา เวียดนามหลายวัน คงคิดถึงอาหารไทย แต่ร้านนี้เป็นของเวียดนาม จึงไม่เข้าใจว่าอาหารไทย นั้น ต้องรับประทานพร้อมข้าว จึงเสริฟต้มข่าไก่ นำ้พริกกะปิ เป็นของกินเล่น ข้าวมาทีหลัง เมื่อ กับข้าวหมดแล้ว ของหวานมีข้าวเหนียวแฉะๆ กับมะม่วงเปรี้ยวๆ มื้อนี้คุณโรเบิร์ต คนสำคัญที่ ทำให้คุณ Tam Bach ได้พบท่านอาจารย์ เป็นเจ้าภาพ
ทานอาหารเสร็จ ไปตลาดเบนทั่น เพื่อดูของฝาก กลับมาถึงเวลาสนทนาพอดี ไม่ได้พัก ผ่อนรอบบ่าย เข้าไปนั่งฟังจึงหลับตลอด นึกได้ว่าเมื่อเช้าลืมกินยาความดันจึงไม่ออกไปทาน อาหารเย็น กินยาแล้วนอนเลย แต่ก็ได้คุณเผ่าทิพย์และน้องยุพินนำผลไม้และโกโก้มาให้ ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
ตอนสนทนาธรรมจบ แม่ชีสาวเวียดนามตามมานวดท่านอาจารย์ที่ห้อง ได้ยินว่าจะสอนให้ คุณกฤษณา หมอนวดมือหนึ่งของไทย กับน้องเมตตา ให้ทราบวิธีนวดตำรับเวียดนามด้วย อนุโมทนาทุกท่านค่ะ
... อ่านตอนต่อไป ...
... อ่านย้อนหลัง ...
กราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์สุจินต์ และวิทยากร ผู้ร่วมสนทนาธรรมทุกๆ ท่าน ค่ะ
ปลาบปลื้มกับคำว่า" มีแรงไว้ทำประโยชน์"
และที่ขาดไม่ได้เลย กับทั้งสองท่าน พี่สงบ พี่แดง ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ที่ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศเวียดนามค่ะ
เช้านี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาศได้ฟังสนทนาธรรมของท่านอาจารย์และคณะที่เวียตนาม
ตอนทานอาหารเช้าที่ โรงแรม เป็น Continental breakfast. ผมได้พบคุณ Sarah ที่นี่
คุณ Sarah กล่าวขอบคุณผมและคุณเบญจมาศ ที่จะคอยให้การต้อนรับคณะสนทนาธรรม
ชาวเวียตนามที่จะไปฟังธรรมที่แก่งกระจาน....เพราะเช้านี้คุณ Sarah มีเวลาว่างก่อนที่จะเข้า
ห้องสนทนาธรรม ผมก็เลยสนทนาธรรมกับคุณ Sarah และส่วนหนึ่งในการสนทนาผมถามว่า
What is the differences between Vipassana Yarn and SatiPathan? (ผมถามว่าข้อแตก
ต่างระหว่างวิปัสนาญานต่างกับสติปัฏฐานอย่างไร) คุณ Sarah ฟังคำถามแล้วยิ้มๆ
คุณ Sarah พูดว่า ให้ผมนำคำถามนี้เก็บไว้ไปถามในห้องสนทนาธรรม เพราะเป็นคำถามที่ดี....
ตอนเช้าที่ห้องสนทนาธรรม คำถามของผมก็ถูกอ่านในห้องสนทนาธรรม ท่านอาจารย์ก็ให้
ความเมตตาตอบคำถามนี้นานประมาณ 25 นาที จากนั้นคุณ Sarah และคุณ Jonathan ก็ร่วม
กันอธิบาย การสนทนาธรรม 2 ชั่วโมงของเช้านี้ก็จบลง เป็นวันสุดท้ายที่นี่ของชาวเวียตนาม.
จากนั้นคณะอาจารย์ พวกเราทุกคนที่ไปจากเมืองไทย และคณะผู้จัดชาวเวียตนามก็ได้รับความ
เมตตาจากท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านเลี้ยงอาหารเที่ยงกับทุกคน ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง
กระผมก็ได้เข้าไปกราบท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านกล่าวว่าคำถามของผมเป็นคำถามที่มีประโยชน์
กระผมปลื้มปิติมากที่ได้รับคำชมจากท่าน ผมรู้ว่าคุณ Jonathan คงบันทึกเสียงไว้แล้ว
เรียบร้อย สนใจคงหาอ่านได้นะครับ ผมกำลังจะจบการสนทนาข้ามปีที่เวียตนามไว้เพียงแค่นี้
ขาด ตก บก พร่อง ก็ขออภัยเช่นเคยครับ
ท้ายนี้กระผมขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบอาจารย์วิทยากร
ชาวต่างชาติ และสหายธรรมที่ชาวเวียตนมาที่จัดงานนี้ รวมทั้งสหายธรรมทุกท่านที่ไปจาก
เมืองไทย การเจริญกุศลครั้งนี้ก็จบลงด้วยดี. ขออนุโมทนาครับ