สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธวจน
สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธวจน
พลโทชัชพัชร์ แย้มงามเรียบ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๒๖๕๖ และ คุณกนกรัตน์ แย้มงามเรียบ (คุณป้อม) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓๘๘๖ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งสองท่านเป็นผู้ที่สนใจศึกษาคำสอนของพระพุทธศาสนา ท่านพลโทชัชพัชร์เคยทำงานเป็นข้าราชการทหารอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจนเกษียณอายุราชการ ด้วยความที่ท่านเป็นคนตรงและจริงใจ มีความเป็นมิตร เป็นเพื่อน ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น กอปรไปด้วยความเมตตาและความปรารถนาดี จึงทำให้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จัก เคารพนับถือ ในทุกๆ กลุ่มคน เป็นจำนวนมาก เฉพาะอย่างยิ่ง ท่านมีเพื่อนกลุ่มต่างๆ ที่สนใจคำสอนในทางพระพุทธศาสนาจากหลายสำนัก เมื่อเกิดมีความเห็นต่างของคำสอนขึ้นในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูงเหล่านั้น ก็มีการสนทนากันด้วยดี และจากการที่ท่านชัชพัชร์ได้ฟังและศึกษาพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยาย มานานนับสิบปีแล้ว รวมถึงภริยาของท่าน คือ คุณกนกรัตน์ แย้มงามเรียบ (คุณป้อม) ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นผู้หนึ่งที่ผ่านการไปปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ อย่างอุกฤษฎ์จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงพระธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยาย ซึ่งท่านชัชพัชร์เปิดฟังอยู่ตลอดเวลาในบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่คิดจะศึกษา เพราะคิดว่าพระพุทธศาสนาคือการต้องไปปฏิบัติธรรมเท่านั้น จนเมื่อได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ก็เกิดมีความเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น ทีละเล็ก ทีละน้อย ในที่สุดจึงทราบว่า หนทางที่ท่านไปทำ ไปฏิบัติอยู่นั้น ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นหนทางที่มีการเผยแพร่ สืบต่อกันมา ทำตามๆ กันมา ด้วยความเข้าใจผิด เห็นผิด โดยไม่ศึกษาให้เข้าใจให้ถูกต้อง ว่าหนทางที่ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น ต้องเป็นไปเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ในสิ่งที่กำลังมี กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ เท่านั้น คำสอนอื่นใดที่ไม่ทำให้มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังมี กำลังปรากฏอยู่ในทุกๆ ขณะนี้ ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แน่นอน
การมาร่วมสนทนาของท่านทั้งสองในรายการ สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธวจน ในครั้งนี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ที่ได้รับชมรับฟัง เพราะด้วยความที่ท่านทั้งสองสะสมอุปนิสัยที่มีความปรารถนาดีด้วยจริงใจ ต่อเพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหายของท่าน ที่มีความเห็นโต้แย้ง มีความไม่เห็นด้วยบางประการ ในหนทางที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เผยแพร่อยู่ในขณะนี้ จึงอาสานำความคิด ความเห็นต่าง ของกลุ่มเพื่อนฝูง เช่น ความเห็นของกลุ่มผู้ที่สนใจในสำนักที่อ้างว่านำพระพุทธพจน์ หรือพุทธวจน มาเผยแพร่ มาเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ ในรายการสนทนาปัญหาสารพันในครั้งนี้ ซึ่งมีความน่าสนใจ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อผู้ที่รับชมรับฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้สะสมมาที่จะเป็นผู้ตรงต่อความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ ว่าสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในแต่ละขณะนี้ เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละชนิด แต่ละประเภท ซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ของใครเลยทั้งสิ้น ย่อมได้รับประโยชน์จากการได้ยินได้ฟังการสนทนาในครั้งนี้ ดังคำที่ว่า ธรรมที่ทรงตรัสรู้นี้น่าอัศจรรย์ ผู้ที่ได้มีความเข้าใจแล้ว ย่อมละทิ้งสิ่งที่ผิด รับเอาสิ่งที่ถูก อันจะเป็นการรักษาพระศาสนาคือคำสอนที่ถูกต้องแท้จริง ให้คงอยู่สืบไป
การได้ทราบว่า มีบุคคลที่มีความเห็นผิด เข้าใจผิด ไม่เข้าใจความละเอียดลึกซึ้งในพระธรรมที่ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ทั้งมีความอาจหาญถึงขั้นก้าวล่วงพระปัญญาคุณอันยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยความเห็นของตนเอง ในการตัดพระอภิธรรมปิฎก อันเป็นปิฎกที่ลึกซึ้งและทรงคุณค่ายิ่งต่อความเข้าใจธรรมะ และตัดอรรถกถา ซึ่งเป็นคำอธิบายขยายความของพระอรรถกถาจารย์ผู้เป็นเลิศในความเข้าใจธรรมในอดีต ออกจากพระไตรปิฎก ให้เหลือเพียงพระสูตรและพระวินัย ที่ตนเห็นว่าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น หาได้กริ่งเกรงเลยว่า แม้พระอรหันต์ผู้ทรงคุณทั้งหลายในอดีต ที่ได้ร่วมกันกระทำสังคายนาพระไตรปิฎก ไม่ว่าในครั้งไหนๆ ก็ได้รักษาคำสอนที่ทรงคุณอันประเสริฐนี้ไว้ จนสืบต่อมาถึงปัจจุบันโดยครบถ้วน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ที่ศึกษาด้วยความเคารพ นอบน้อม และไม่ประมาท จนสามารถที่จะมีความเข้าใจในความละเอียดลึกซึ้งของพระธรรมได้ การที่จะมีบุคคลใดในยุคนี้ สมัยนี้ อาจหาญถึงขั้นตัดพระอภิธรรมปิฎกและอรรถกถา ออกจากพระไตรปิฎก ย่อมแสดงให้เห็นถึงภัยอันตรายใหญ่หลวงของการทำลายพระศาสนา เพราะเหตุแห่งความเห็นผิดและความไม่รู้ และเมื่อเป็นเช่นนี้ พระพุทธศาสนาก็จะถึงกาลอันตรธานไปอย่างน่าเศร้าใจยิ่ง เพราะความเห็นผิด เข้าใจผิด ของพุทธบริษัทเอง หาใช่ผู้ใดอื่นเลยไม่ ทั้งยังเผยแพร่ความเห็นผิดดังกล่าวไปสู่สาธารณชนในวงกว้างให้หลงเชื่ออีกด้วย ในท้ายที่สุดแล้ว พระพุทธศาสนาก็ย่อมจะเหลือแต่เพียงชื่อเท่านั้น เพราะเหตุว่า หัวใจของพระพุทธศาสนา ซึ่งก็คือ คำสอนที่ถูกต้องจากการทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น ได้ถูกทำลายไปแล้ว โดยผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นพุทธบริษัท แต่ไม่เข้าใจคำสอน นั่นเอง
อีกประการหนึ่ง คำสอนที่แอบอ้างพระพุทธวจน แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจแม้เพียงคำว่า ธรรมคืออะไร ย่อมจะป่วยกล่าวไปใยในการกล่าวถึง ปฏิจจสมุปบาท หรือ ธรรมลึกซึ้งยิ่งอื่นๆ ที่ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ เพราะเพียงแค่ตัวอย่างที่กล่าวถึงคำพูดและการกระทำการก้าวล่วงพระปัญญาคุณอันใหญ่ยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของบุคคลดังกล่าวข้างต้น ก็ย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นผู้ที่ไม่มีความเข้าใจธรรมะที่ทรงแสดง แน่นอน
อนึ่ง ขออนุญาตนำบันทึกของท่านพลโทชัชพัชร์ ที่ท่านได้เขียนไว้ด้วยตนเอง มาแนบไว้ ณ ที่นี้ เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจความเป็นมาของการศึกษาพระธรรมของท่าน ดังนี้
ขอบันทึกไว้ในใจ...
เริ่มศึกษาธรรมะจากหนังสือบทสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ คุณประชุมพร ชาญสุวิทยานันท์ และคุณวันทนา ทิพยวัลย์ ที่ใช้ออกอากาศทางสถานีวิทยุยานเกราะ ๗๘๕ ผมได้หนังสือนี้จากพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นผู้มอบให้ เมื่อ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓ ขณะนั้นยศร้อยเอก ขณะปฏิบัติงานร่วมกันที่สนามบินอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ศึกษาจากเทปของท่านอาจารย์ ศึกษาอยู่ประมาณ ๑๐ ปีเพราะชอบในเสียงที่ไพเราะ พูดได้ต่อเนื่องชัดเจน เป็นเหตุเป็นผล
เนื่องจากไม่มั่นคงพอในการฟัง จึงหันไปศึกษาเกือบทุกแนวทางที่มีการสอนอยู่ในเวลานั้น เคยบวชเรียน ๑ พรรษา ที่วัดอัมพวันจังหวัดสิงห์บุรี หลวงพ่อจรัญเป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะนั้นยศพันเอก
ในเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ได้เดินทางไปพุทธสถาน ๔ แห่ง ที่อินเดีย กับคณะแม่ชีวัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร ก่อนเดินทางไป ได้ไปกราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นครั้งแรก ที่ มศพ. ท่านให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์คือ ให้ไปด้วยความเข้าใจ
ต่อมา มกราคม ๒๕๖๒ ได้มีโอกาสเดินทางไปพุทธสถาน ๔ แห่ง ที่อินเดียอีกเป็นครั้งที่ ๒ กับคณะ มศพ. โดยการชักชวนของพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร
ต่อมาได้มีส่วนร่วมในการประสานงานและให้การสนับสนุนการจัดสนทนาธรรม ให้กับประธานคณะกรรมการพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ที่ศาลาประชาคม จังหวัดนครสวรรค์ จัดสนทนาธรรมร่วมกับกลุ่มสมาชิกชมรมบ้านธัมมะนครสวรรค์ ให้กับกลุ่มผู้สนใจธรรมะและกลุ่มผู้เห็นต่าง ได้แก่ กลุ่มพุทธวจน กลุ่มครูสมาธิ กลุ่มดูจิต กลุ่มยุบหนอพองหนอ และกลุ่มผู้สนใจทั่วไป ที่ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์เมื่อ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒
ได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์สุจินต์ ให้โอกาสร่วมสนทนาในรายการสนทนาปัญหาสารพัน เรื่องการดำรงรักษาพุทธวจนะ เมื่อ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ชีวิตที่ผ่านมา ๗๔ ปี เริ่มศึกษาธรรมะเมื่ออายุ ๓๔ พบว่าผู้สอน ผู้ฟัง ผู้เห็นประโยชน์ในการศึกษาพระธรรมนั้นหายาก ส่วนใหญ่สอนให้ได้ สอนให้ทำ เช่น ทำสมาธิ ทำสติ ทำปัญญา ด้วยความเป็นตัวตน สอนให้ทำตาม พูดตามตำราแบบวิชาการ ไม่ได้สอนให้ละ และให้เข้าใจถูก ในสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ทางตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ในชีวิตประจำวัน
จากผลการฟังธรรมเข้าใจขึ้น จึงอุทิศร่างกายให้กับคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ ปัจจุบันนี้ยังศึกษาจากหนังสือธรรมของ มศพ. ศึกษาจากเว็บไซต์บ้านธัมมะ ทุกๆ วัน เท่าที่มีเวลา มีโอกาส เพราะรู้ว่าฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอ ได้ศึกษามา ๔๐ ปี ถ้าเป็นผู้ตรงจะรู้ว่าเป็นเพียงขั้นฟังขั้นต้น ยังผิวเผิน ยังไม่มั่นคงพอ ต้องฟังต่อไปอีก ขาดการฟังในชีวิตประจำวันไม่ได้ ต้องฟังตลอดชีวิต โดยไม่ต้องหวังว่าจะรู้มากๆ หรือเร่งรัดให้รู้เร็วๆ ตามอำนาจของความต้องการคือโลภะ และด้วยความเป็นตัวตนด้วย ต้องอาศัยเวลา เป็น "จิรกาลภาวนา" กว่าด้ามมีดจะสึก ทุกอย่างเกิดตามเหตุตามปัจจัย มีหนทางเดียวเท่านั้นคือการฟังด้วยความไม่ประมาท ฟังด้วยความเคารพ ด้วยการพิจารณาและไตร่ตรองทีละคำให้เข้าใจ ด้วยการตั้งต้นว่าคืออะไรก่อน มีจุดประสงค์เดียวคือฟังเพื่อเข้าใจว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงธรรมะแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดดับสืบต่ออยู่ตลอดเวลา ฟังจนกว่าสติจะระลึก ปัญญาจะเกิดเข้าใจตรงตามที่ได้ฟัง
.......สุดท้ายนี้ ขอกราบเท้าบูชาคุณความดีของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้มีพระคุณอันประเสริฐ ในการเผยแพร่คำจริงของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยความเมตตากับทุกคน ตอบข้อซักถามด้วยความอดทน เพื่อให้เป็นปัญญาของผู้ฟังเอง เป็นการแสดงธรรมที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว นับเป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้รู้จักท่าน ได้พบคําสอนตรงตามธรรมวินัยในพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง
ขอกราบบูชาคุณคณะวิทยากร มศพ. และผู้ฟังที่ช่วยซักถามจนทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ขอกราบขอบพระคุณ พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชา เคยได้ร่วมรบในสมรภูมิเขาค้อ ผู้เป็นกัลยาณมิตรที่ทำให้ได้มาพบกับบัณฑิตที่เป็นพหูสูต ที่เป็นสัตบุรุษ ทำให้เกิดความเข้าใจพระสัทธรรมที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการตอบแทนคุณของทุกท่าน ผมจะตั้งใจทำดีและศึกษาพระธรรมตลอดไป จะช่วยเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องแก่ทุกคน แม้ผู้เห็นต่าง ถ้าต้องการสนทนาด้วยเพื่อแลกเปลี่ยนความเข้าใจ โดยจะไม่ไปก้าวก่ายที่จะเปลี่ยนแปลงใคร จะเคารพในความเชื่อส่วนตัวของแต่ละคนที่ได้สะสมมาต่างกัน โดยจะสนทนากันด้วยกุศลจิต ขออนุโมทนาในความมั่นคงในการเจริญกุศลของทุกท่าน ขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้
ขอบันทึกไว้ในใจก่อนจะละจากการเป็นบุคคลนี้ไป
พลโทชัชพัชร์ แย้มงามเรียบ
สมาชิกชมรมบ้านธัมมะมศพลำดับที่ ๒๖๕๖
ณ บ้านเลขที่ ๕๕/๔๙ ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
.........
ขอเชิญคลิกชมรายการ "สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธวจน" ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
ข้อความบางตอนจากการสนทนา :
ผศ.อรรณพ พระพุทธพจน์หรือพระพุทธวจน ก็คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง แต่ปัญหาสำคัญในพระพุทธศาสนาก็คือ การไม่เข้าใจพระพุทธวจน ซึ่งก็อาจจะอ้างหรือกล่าวถึงพระพุทธวจนหรือพระพุทธพจน์ แต่ว่าอาจจะไม่ใช่เป็นความเข้าใจที่ตรงตามพระพุทธพจน์ ตรงตามพระพุทธวจน ซึ่งก็เป็นสารพันปัญหาที่สำคัญ เพราะว่าเป็นปัญหาในพระพุทธศาสนา สมควรที่จะได้สนทนาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และ หนทางเดียวที่จะดำรงพระพุทธพจน์ พระพุทธวจน ไว้ได้ ก็คือความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงตามพระพุทธวจน
ซึ่งวันนี้เป็นโอกาสดีมากๆ ที่เรามีสองท่าน คือท่านพลโทชัชพัชร์ และคุณกนกรัตน์ แย้มงามเรียบ ซึ่งท่านก็เป็นผู้ที่สนใจศึกษาพระพุทธศาสนา แล้วก็มีความตั้งใจอย่างมั่นคง ที่จะช่วยกันรักษาความถูกต้อง ตามพระธรรมวินัยไว้ ได้คุยกับท่านชัชพัชร์ ว่า การเผยแพร่ของ มศพ. ดูเหมือนว่าเป็นการไปกระทบ เหมือนกับทำให้เกิดการแตกแยก อะไรอย่างนี้ ที่ท่านเคยคุยกับผม ท่านช่วยให้ข้อเท็จจริงด้วยครับ
พลโทชัชพัชร์ ก่อนมา ได้มีการสนทนาธรรมกับกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับพระสูตร ความเป็นมิตรกัน ก็เชิญมานั่งคุยกัน แล้วก็ต้องการรู้ว่า เขาคิดอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ใช่ผมคิดเอง เอาความคิดของเขามาเล่าให้ฟัง ว่า การเผยแพร่ของมูลนิธิฯ โดยท่านอาจารย์ เผยแพร่ไปแล้ว ในระยะหลังนี้ ก่อให้เกิดผู้ที่ต่อต้านมากขึ้น และมีคำพูดที่ทำให้เขามองว่า การเผยแพร่ในลักษณะนี้ ก่อให้เกิดศัตรู ไม่ตรงกับในพระสูตรของพระพุทธเจ้า ที่บอกว่า การเผยแพร่ธรรมะนั้น คำพูดนั้นจะต้องไม่ทำให้เกิดศัตรู แสดงว่าการเผยแพร่นั้น น่าจะไม่ตรงกับพระสูตร จึงทำให้มีศัตรูมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น บางวัด เวลาประชุมกัน (กล่าวว่า) ระวังนะ ตอนนี้ มูลนิธิฯ กำลังต่อต้าน อะไรอย่างนี้ เรื่องพระธรรมวินัยต่างๆ หรือแม้แต่สถานที่ต่างๆ ซึ่ง (กล่าวว่า) อย่าไปฟังนะของอาจารย์ เริ่มมีคนต่อต้าน และเริ่มมีคนไม่เห็นด้วยเยอะขึ้น เยอะขึ้น เยอะขึ้น เขาก็ประเมินว่า วิธีการอย่างนี้น่าจะทำให้เกิดความแตกแยก ในหมู่พุทธบริษัท เขามีความเห็นอย่างนั้น
ผศ.อรรณพ ซึ่งในเรื่องนี้ ที่ท่านชัชพัชร์ได้กล่าวถึง ที่มีผู้ที่เขารู้สึกว่า การเผยแพร่ของท่านอาจารย์และมูลนิธิฯ เป็นการที่ทำให้เกิดความแตกแยกกันก็ดี หรือทำให้เกิดการล่วงเกินกันด้วยวาจา ด้วยอะไรต่ออะไรอย่างนี้ เขาก็ยกข้อความใน อรณวิภังคสูตร มาครับท่านอาจารย์ เขาอ้างว่า ใน อรณวิภังคสูตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อรณวิภังสูตร ในมัฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ มีข้อความที่เขายกมา เช่น ".....ไม่พึงยกย่อง ไม่พึงตำหนิ พึงแสดงแต่ธรรมเท่านั้น...พึงรู้ตัดสินความสุข ครั้นรู้แล้ว พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งความสุขภายใน.....ไม่พึงกล่าววาทะลับหลัง ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้า...พึงเป็นผู้ไม่รีบด่วนพูด อย่าพูดรีบด่วน...ไม่พึงปรักปรำภาษาชนบท ไม่พึงล่วงเลยคำพูดสามัญเสีย..." เขายกข้อความตรงนี้มาอ้าง ก็ประมาณว่า การที่ทาง มศพ. เผยแพร่อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะว่า เป็นการกล่าวคำที่อาจจะล่วงเกิน ทั้งต่อหน้า แล้วก็เป็นการที่ ควรจะแสดงธรรมเท่านั้น เขาบอกว่า ที่พูดธรรมะนี่ดี แต่ว่าเมื่อกล่าวแล้วเกิดการทำให้แตกแยกกัน และเขายังฝากคำถามท่าน (ชัชพัชร์) มาถามท่านอาจารย์ด้วย
ท่านอาจารย์ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนที่เข้าใจแล้ว ควรกล่าวไหม?
พลโทชัชพัชร์ ควรครับ
ท่านอาจารย์ แล้วมูลนิธิฯ ได้ทำหน้าที่ศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา แล้วเรากล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม แล้วก็ขอเชิญผู้ที่ได้มาร่วมฟัง สนทนา เพื่อที่ว่า มีอะไรที่เขาคิดว่าไม่ถูกต้อง หรือเขาไม่เข้าใจ ก็จะได้สนทนากัน เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ผิดหรือคะ?
พลโทชัชพัชร์ ไม่ผิดครับ
ท่านอาจารย์ ควรทำไหม?
พลโทชัชชพัชร์ ควรครับ
ท่านอาจารย์ ก็จบ หรือจะมีปัญหาอะไรอีก? เพราะว่าตรงทุกข้อเลยคุณอรรณพ ขอข้อความในอรณวิภังคสูตร ทีละข้อ กล่าวอย่างเมื่อกี้เลย
ผศ.อรรณพ ทรงแสดงว่า...ไม่พึงยกย่อง ไม่พึงตำหนิ พึงแสดงแต่ธัมมะเท่านั้น
ท่านอาจารย์ ค่ะ แค่นี้ก่อน มูลนิธิฯทำอย่างนี้หรือเปล่า?
พลโทชัชพัชร์ ทำครับ
ผศ.อรรณพ เรามิได้ยกย่อง เชิดชู กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ใช่ไหม? แล้วก็ไม่ได้ไปตำหนิว่าร้ายใครทั้งสิ้น แสดงแต่ธัมมะ เท่านั้น
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่าเราตำหนิ "คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ใช่ไหม ที่เรากล่าว เพราะฉะนั้น เขาตำหนิใคร? ไม่ใช่คำของเราเองเลย เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "คำจริงทั้งหมด เป็นคำของเรา" เพราะพระองค์ได้ตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริง แล้วสิ่งที่มูลนิธิฯ กล่าว ก็เป็นความจริง ตรงตามที่ได้ศึกษา ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง คือ ด้วยความละเอียด แล้วก็กล่าว ไม่ได้ติใคร แต่ทรงแสดงความจริงว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะติเตียน สิ่งที่ผิด ควรรู้ว่าผิดไหม?
พลโทชัชพัชร์ ควรครับ
ท่านอาจารย์ แล้วควรที่จะชื่นชมสิ่งที่ผิดหรือเปล่า?
พลโทชัชพัชร์ ไม่ควรครับ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็ตรง ใช่ไหม? เราไม่ได้ตำหนิใคร ความไม่ดี มีใครบ้างที่ชื่นชม ไม่ตำหนิ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงโทษของความเห็นผิดและความไม่ดี ทุจริตกรรมต่างๆ เราก็กล่าวตามนั้นทุกอย่าง แล้วเราผิดตรงไหน? หรือไม่ควรจะทำอะไรอีก ในเมื่อเมื่อกี้นี้ทุกคนก็ยอมรับว่า คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรอย่างยิ่งที่จะกล่าว ไม่ใช่ว่าไม่ศึกษา ไม่กล่าว ยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง
พลโทชัชพัชร์ ประเด็นนี้ เขาชี้แจงว่า การที่มูลนิธิฯ เชิญบุคคลต่างๆ มาสนทนาธรรม แล้วก็กล่าวการปฏิบัติที่ผิดที่ถูกของแต่ละคน เผยแพร่ไปให้รู้ทั่วกัน ถูก เขาว่าดี แต่บางอัน เขาวิจารณ์ว่า ไปกล่าวถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่มีโอกาสได้มาชี้แจง เขาจึงกล่าวว่าเป็นการกล่าวลับหลัง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ตรงนี้เลยนะคะ ขอเชิญทุกท่าน ที่ต้องการที่จะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพในเหตุผล ในความตรง ในความจริง ขอเชิญที่มูลนิธิฯ ทุกเวลา
ผศ.อรรณพ แล้วก็ รายการสนทนาก็มีเยอะ อย่างรายการสนทนาปัญหาสารพันนี้ คิดว่าท่านอาจารย์ก็คงจะมีความยินดีอย่างยิ่ง ถ้าท่านที่มีความเห็นที่แตกต่าง และท่านมีความประสงค์ ท่านก็ปรารภใช่ไหมครับท่านชัชพัชร์ ว่าอยากจะให้ชาวพุทธเรา ไม่แตกแยกกัน ท่านอาจารย์ครับ การที่ชาวพุทธเราจะไม่แตกแยกกัน ด้วยอย่างไร?
ท่านอาจารย์ ถ้า "คนหนึ่งเห็นผิด" อีก "คนหนึ่งเห็นถูก" แตกแยก หรือไม่แตกแยก?
พลโทชัชพัชร์ แตกแยกครับ
ท่านอาจารย์ เพราะว่า ไม่ตรงกัน ใช่ไหม? คนที่เห็นผิด ก็เห็นผิด กล่าวคำผิด คนที่เห็นถูก ก็กล่าวคำที่ถูก จะให้คนเห็นถูก ทำอย่างไร? ที่จะไปกล่าวคำเห็นผิด เป็นไปไม่ได้!! เพราะฉะนั้น เขาต้องการความถูกต้อง หรือความผิด ถ้าต้องการความถูกต้อง ไม่มีการแตกแยกเลย
ผศ.อรรณพ ที่แตกแยกกันในเรื่องความเห็นที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ทางเดียว ที่จะ...
ท่านอาจารย์ (ที่จะ) ให้ไม่แตกแยก ก็คือ เชิญมาร่วมกันสนทนาธรรม
ผศ.อรรณพ ก็เป็นโอกาสที่ดีมาก สำหรับท่าน ที่ท่านชัชพัชร์ได้กล่าวถึง ถ้าท่านมีความตั้งใจจริงๆ ที่จะมาแลกเปลี่ยน หรือเป็นการที่จะได้สนทนากัน เพื่อความถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย ก็ขอเชิญเลยนะครับ ในรายการนี้ก็ได้เลยนะครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ นี่คือเปิดเผย ชัดเจน ให้ท่านที่ชมทุกท่านได้ฟัง เราไม่ได้ทำอะไรลับหลังเลย
ผศ.อรรณพ เพราะฉะนั้น ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับ ซึ่งตรงนี้ก็ระลึกถึง สาราณียธรรม ธรรมะที่จะทำให้ระลึกถึงกัน แล้วก็พร้อมเพรียงกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งท่านแสดงไว้ถึง ๖ ประการ โดยเฉพาะประการที่ ๖ ที่อยากจะสนทนาถึง แต่โดยสรุป ๕ ประการแรกก็คือ ภิกษุในธรรมวินัย เข้าไปตั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ประกอบด้วยเมตตา
ท่านอาจารย์ ขอยกตัวอย่าง คือ ธรรมะต้องละเอียด ทีละคำ ที่มูลนิธิฯ กล่าวสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อให้คนได้เข้าใจถูกต้อง เป็นเมตตาหรือเปล่า? เป็นความเป็นมิตร เป็นความหวังดีหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น เราก็เชิญทุกคนมา ที่ยังคิดว่ามูลนิธิฯ ทำผิด ได้มาชี้แจงว่า ตรงไหนผิด? เพื่อเราจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่าเราศึกษาด้วยความเคารพ และคนที่เข้าใจว่าเราผิด จะได้เข้าใจด้วย ว่าผิด หรือถูก อย่างไร
ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์ก็เมตตา คือความเป็นมิตร และ ความเป็นมิตรที่ดีที่สุดก็คือ ปรารถนาดีที่จะไม่ให้เกิดโทษทั้งกับตนเองแล้วก็ผู้อื่นด้วย กับการเผยแพร่ที่ไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย เป็นความเป็นมิตร เป็นเมตตา
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่กล่าวตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้คนได้เข้าใจถูกต้อง เป็นมิตร เพราะว่ามีความหวังดี ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูก นี่เป็นมิตรหรือเปล่า? ถ้าเราไม่พูดสิ่งที่ถูกต้อง ชักชวนเขาในทางที่ผิด เป็นมิตรหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ต้องรู้ว่าใครเป็นมิตร ถ้าคนที่ทำให้เข้าใจถูก จะเป็นผู้ที่ไม่ใช่มิตรได้หรือ? ในเมื่อเพราะหวังดีที่จะให้เข้าใจถูก จึงได้กล่าวคำที่ถูกต้อง ทราบไหม? ว่าใครเป็นมิตรที่ดีที่สุด?
พลโทชัชพัชร์ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร? ตรัสให้คนอื่นได้เข้าใจธรรมะที่ถูกต้อง
ผศ.อรรณพ ลาภอันประเสริฐที่สุด ก็คือ ความเข้าใจพระธรรม การจะแบ่งปันลาภทั้งหลาย ที่สุดก็คือ แบ่งปันลาภที่เป็นทรัพย์ คือปัญญา ความเข้าใจถูก ส่วนสาราณียธรรม ข้อที่ ๖ ดีมากๆ เลยนะครับ ก็ขออนุญาตได้กล่าวทั้งข้อความในประการที่ ๖ ของ สาราณียธรรม ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความให้ระลึกถึง ๖ ในฑีฆนิกาย ปาฏิกวรรค...
"...ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ขออื่นยังมีอีก คือ ทิฏฐิอยางใดอยางหนึ่ง อันเปนของประเสริฐ (ก็คือสัมมาทิฏฐิ) เปนเครื่องนําสัตวออกจากทุกข ยอมนําออกเพื่อความสิ้นทุกขโดยชอบแกผูกระทําทิฏฐิอันนั้น มีอยู ภิกษุเปนผูถึงความเสมอกันดวยทิฏฐิ ในทิฏฐิเห็นปานนั้น กับเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งตอหนาและลับหลัง ธรรมแมขอนี้ ก็เปนที่ตั้งแหงความใหระลึกถึง เปนเครื่องกระทําใหเปนที่รัก เปนเครื่องกระทําใหเปนที่เคารพ ยอมเปนไป เพื่อความสงเคราะห เพื่อความไมวิวาท เพื่อความสามัคคี เพื่อความเปน อันหนึ่งอันเดียวกัน..."
กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ การที่ชาวพุทธจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ก็ต้องมีความเห็นตรงกัน แล้วก็เป็นความเห็นถูก ท่านกล่าวว่า เป็นความเห็นอันเป็นของประเสริฐ เป็นความเห็นที่เป็นของประเสริฐ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น คนที่คิดว่าจะไม่แตกแยกกัน โดยพูดผิดๆ ตามๆ กัน ตรงตาม (พระสูตรที่กล่าวมา) นี้หรือเปล่า?
ผศ.อรรณพ ไม่ตรง
ท่านอาจารย์ และทุกคำ เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเลย เป็นสิ่งที่ไม่ใช่คำของเราเอง เพราะฉะนั้น เราจะตำหนิใครหรือ? ในเมื่อเรากล่าวคำที่ถูกต้อง คนที่ทำผิด ถ้าเข้าใจถูกต้อง เป็นประโยชน์ไหม? เราเห็นแก่ประโยชน์อันนี้ ทั้งประโยชน์ของเขาเอง และประโยชน์ของคนอื่นทั้งหมด ของโลก ที่ว่าจะสงบสุขได้ ความเห็นผิดไม่ได้นำมาที่จะให้เกิดความสงบสุขเลย เพราะไม่เห็นว่าอกุศลเป็นอกุศล จึงทำอกุศลกันทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งโลก แต่ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง โลกก็สงบได้
เพราะฉะนั้น ถ้าความไม่เข้าใจมี โลกไม่สงบแน่ แล้วก็จะพยายามแก้กันโดยวิธีอื่น ว่า ไม่ต้องแตกแยก ไม่ต้องแตกแยก แต่ว่าผิดกันหมด!! สมควรไหม? และ ต้องแตกแยกแน่!! เพราะเหตุว่า ไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้อง!!!
(สนทนาธรรม : พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก ณ ศาสนสถาน ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒)
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๑๙๓
ข้อความบางตอนจาก...
๙. ตติยอนาคตสูตร
(ว่าด้วยภัยในอนาคต ๕ ประการ)
[๗๙] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคต ๕ ประการนี้ ยังไม่บังเกิดในปัจจุบัน แต่จะบังเกิดในกาลต่อไป ภัยเหล่านั้น เธอทั้งหลาย พึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้ว พึงพยายามเพื่อละภัยเหล่านั้น ภัยในอนาคต ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา จักให้อุปสมบทกุลบุตรเหล่าอื่น จักไม่สามารถแนะนำแม้กุลบุตรเหล่านั้นในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้กุลบุตรเหล่านั้น ก็จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา ก็จักให้อุปสมบทกุลบุตรเหล่าอื่น จักไม่สามารถแนะนำแม้กุลบุตรเหล่านั้น ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้กุลบุตรเหล่านั้นก็จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัย ย่อมมี เพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรม ย่อมมี เพราะการลบล้างวินัย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคตข้อที่ ๑ นี้ ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนี้ อันเธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้ว พึงพยายามเพื่อละภัยนั้น
ฯลฯ
.........
ขอเชิญคลิกชมรายการสนทนาปัญหาสารพันตอนอื่นๆ ได้ที่นี่.........
- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ
- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์
- แม่ชีคือใคร?
- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด
- สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ
- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?
- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]
- สนทนาปัญหาสารพัน : เข้าใจโลกธรรม
- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนจบ]
- สนทนาปัญหาสารพัน : ชาวใต้ใฝ่ความจริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : อีกมุมหนึ่งของ นก ศิขรินธาร
- สนทนาปัญหาสารพัน : ธัมมะ กับ โอ ปวีร์ ตอนที่ 1
- สนทนาปัญหาสารพัน : สาระ ใต้ร่มสาละ
- สนทนาปัญหาสารพัน : พุทธศาสนาในแคลิฟอร์เนีย
- สนทนาปัญหาสารพัน : ธัมมะ กับ โอ ปวีร์ ตอนที่ 2
- สนทนาปัญหาสารพัน : กลุ่มศึกษาธรรมชาวต่างชาติ [Dhamma study group]
- สนทนาปัญหาสารพัน : พระพุทธศาสนากับการพัฒนาบทบาทสตรี
- สนทนาปัญหาสารพัน : สหายธรรมต่างชาติกับการปฏิบัติธรรม
..........
ขอเชิญคลิกชม บันทึกการสนทนาธรรมที่ ศาลาประชาคม จังหวัดนครสวรรค์ และ ที่ศาสนสถาน ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ ๒๑ - ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ได้ที่ลิงค์ ด้านล่าง